Luang-Por-Guay-004

พระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ
สกุ๊ปพิเศษ สุดยอดพระสมเด็จหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร

ต่อไปผู้เขียน จะขอบันทึก ถึงสุดยอดพระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ ที่หลวงพ่อได้บรรจงสร้างไว้ โด่งดังและมีมนต์ขลังติดอันดับระดับประเทศไทย ถ้าจะเป็นรองก็รองแต่สมเด็จวัดระฆัง เพราะพระของท่าน (สมเด็จ) หลวงพ่อก็ผสมผงของสมเด็จโต วัดระฆัง เรื่องผงนี้พี่ชายคุณหมอเฉลียว เดชมา ได้ผงสมเด็จโตพร้อมพระ ที่สมเด็จโตทำไว้เกือบ 10 องค์ ผงอีก 1 บาตรใหญ่ มาถวายหลวงพ่อ ครั้งเมื่อไปเรียนหนังสือ และพักที่วัดระฆัง (ได้จากตู้จันอับ) พระพิมพ์นี้หลวงพ่อเรียกว่า พิมพ์ร่มโพธิ์ หลวงพ่อพูดว่า “พระพิมพ์ร่มโพธิ์นี้อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรังเกียจ (หลวงพ่อพูดว่า) จะร่มเย็น เหมือนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่” ต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ คาถาที่เสก หลวงพ่อให้ไว้เขียนด้วยลายมือชัดเจน (บทสำคัญและเสกด้วยบทอื่นประกอบด้วย) ท่านเสกด้วยคาถา 3 บท บทแรก เป็นคาถาเชิญพระแม่ธรณี คาถามี 6 ตัว ท่านจะเขียนด้วยภาษาขอม ขึ้นต้นด้วย “โพ อะ ...” ท่านเขียนไว้ 2 ครั้ง คำว่า โพ ท่านเขียนด้วย (พอ-พาน) อีก ครั้งหนึ่งเขียนด้วย (ภ-สำเภา) คาถา 6 ตัวนี้ ห้ามท่องบ่น ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ

บทที่ 2 เป็นคาถา บอกเรียกให้พระแม่ธรณี มาช่วยผจญพระยามาร, เสนามาร, ธิดามาร คือพระพุทธองค์เคยบำเพ็ญเพียรมามาก ได้ตรวจ (กรวด) น้ำ หลั่งอุทกวารี บีบออกมาจากมวยผม เพื่อมาช่วยพระพุทธองค์ ผจญกับพระยามาร เราจะพบภาพจิตรกรรมฝาผนัง จากในพระอุโบสถ หรือเมรุเผาศพ หลวงพ่อยังเขียนไว้ ตอนจดคาถาไว้ในสมุดคาถา หลวงพ่อเขียนไว้ยาว คัดลอกพอได้อ่านกันพอสังเขป “เมื่อแรกพระพุดที่เจ้า เทอจึงมาประจนด้วยหมู่มาร ให้ใภแภ้ในครั้งนี้ ส่วนนางพระแม่ทอระณี ทั่นจึงจะชำแลกแซกแพ่นดินขึ้นมา ทะหวายวันทา บังคมคัน บิทน้ำในมวยผม บ่อหมีรู้ยุด บ่อหมีรู้ยั้ง ย่อมล้นเหลือเผื่อฝั่ง พระชลนัดทีด้วยเด็จ สะเดชะพระบารมี...” เป็นลายมือของหลวงพ่อคัดลอกจากลายมือเดิม (หน้าสุดท้ายหนังสืออิทธิปาฏิหาริย์ ท่านเขียนผิด ต้องเข้าใจด้วยว่า ท่านเรียนมาแค่ประถม 2 แต่ท่านเขียนขอมเก่ง แต่เอาเข้าจริง ภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น เป็นการวาดขึ้นตามจิตนาการ เพื่อให้ผู้รู้น้อยได้เข้าใจ ไม่มีพระยามาร ขี่ช้างมาทำร้ายพระพุทธองค์, ไม่มีเสนามาร (ลูกน้อง), ไม่มีธิดามาร, ไม่มีจระเข้ คือพระจะไปอธิบายให้ญาติโยมเข้าใจ ญาติโยมที่ปัญญาน้อย จะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ พระยามาร, เสนามาร, ธิดามาร คือ กิเลส มีโลภ, โกรธ, หลง คือ อยากมีระลึกถึงสมบัติ เวียงวัง, ลูก, เมียฯ โกรธ คือ ปล่อยไปตามอารมณ์ โมโห, โทสะฯ หลง คือหลงในรูป, รส, กลิ่น, เสียง (ธิดามาร) คืนวันสุดท้ายที่พระพุทธองค์ได้ต่อสู้กับกิเลส และชนะกิเลสจนหมดสิ้น ก็ได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ตอนที่พระพุทธองค์บำเพ็ญเพียร 6 ปี) หนีออกบวชได้ศึกษากับอาจารย์อาฬารดาบสและอาจารย์อุทกะดาบส แต่ไม่อาจค้นพบหนทางพ้นทุกข์ พระองค์จึงต้องมาบำเพ็ญเพียรเอง โดยบำเพ็ญทุกกรกิริยา ฉันแต่ผลไม้ (พุทรา), ใบไม้ เดิมนั่งบำเพ็ญเพียรใต้ต้นพุทรา ฉันแต่ลูกพุทรา ที่หล่นลงมา อยู่ต่อมาฉันแต่น้ำ และไม่ฉันน้ำ แต่ไม่สำเร็จ จึงฉันอาหารที่นางสุชาดานำมาถวาย ทรงสรงน้ำ และบำเพ็ญเพียรใต้ต้นโพธิ์ จึงสำเร็จ ฉะนั้น ต้นโพธิ์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น

คาถาบทที่ 3 เป็นคาถาบารมี 10 แตกแยกออกมา 30 ข้อ เรียกว่า คาถาบารมี 30 ทัศ (ทัศน่าจะแปลว่า ข้อ) คาถาบารมี 30 ทัศนี้ เป็นบารมีของพระพุทธเจ้า ที่บำเพ็ญเพียรมา เวลาทำน้ำมนต์ 3 บท ต้องใช้คาถาบทที่ 3 นี้ด้วย เล่ากันว่า ครูบาศรีวิชัย ตอนบูรณะเมืองเชียงใหม่, ลำพูน, ลำปางฯ (บูรณะวัด, เจดีย์) ท่านสวดบทนี้ 5 ทุ่ม ตี 1, ตี 2 เศรษฐีไม่อาจนอนหลับได้ ต้องให้คนใช้หาบเงินมาทำบุญกับท่าน คาถา 3 บทนี้ บทที่ 1 และ 2 เป็นทั้งมนต์ดำและมนต์ขาว บทที่ 2 ขึ้นต้นด้วย “ตัสสา เกสีสะโต...” สวดอยู่ยามค่ำคืน ใครจะทำอะไรไม่ได้เลย คนที่คิดไม่ดีต่อเรา จะแพ้ภัยตัวเอง คาถา 3 บทนี้ใช้ทำน้ำมนต์ รดอาบจะชนะศัตรู, ใช้เสกข้าวให้สุนัข (หมา) กิน 1-3 ก้อน จะชนะศัตรู คาถานี้ขึ้นต้นด้วย (บทที่ 3) “อะยันตุ โพนโต...”

ส่วนพระพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบนี้ เดิมหลวงพ่อใช้ได้ดำหริสร้างไว้ 2 -3 แบบ แต่รูปแบบ ยังไม่เป็นที่พอใจ สร้างก่อน พ.ศ. 2513 มีพิมพ์ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธชินราช ด้านพระพุทธชินราช นูนออกมาไม่สวย, อีกพิมพ์หนึ่งเป็นยันต์ดวงแก้ว (ยันต์คล้ายของเข้าคุณนร) ในปี พ.ศ. 2512 สร้างเป็นยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ (ตุ๊กตา) แต่เป็นยันต์นูน (ทำไม่มาก ปลอมยากสักหน่อย) ในปี พ.ศ. 2513 สร้าง ด้วยยันต์จม (เขียน พ.ศ. ว่า 2513 ยันต์ตุ๊กตา) และมีแบบหลังแม่ธรณี เส้นจมอยู่ด้านหลัง ทางวัดราชนัดดา กรุงเทพ ท่านเจ้าอาวาส นับถือหลวงพ่อเป็นอาจารย์ (ท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์) ได้ปรึกษากันขอสร้างพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ และพระสมเด็จหลังพระสิวลี ก็สร้างประมาณ พ.ศ. ใกล้เคียงกัน แต่ของวัดราชนัดดา เขาใส่พลอยเป็นเม็ดเล็ก ๆ ได้สร้างขนาดบูชา เนื้อผงด้วย (ดินก็สร้างแต่ปลอมมาก โดยมากปลอม)

พระพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ ที่พบมากและนิยม จึงมีเพียง 2-3 แบบ ที่พบมาก คือหลังยันต์จม (มีทั้งบอก พ.ศ. 2513 และไม่บอก พ.ศ. ที่แพงและนิยมสุด ๆ คือ พิมพ์หลังแม่ธรณี มีทั้งแบบผ้าถุงถี่และผ้าถุงห่าง ผ้าถุงถี่ทำน้อยกว่า) เล่ากันว่าหลังยันต์ดีทางคุ้มภัย เรียกให้ช่วย ถ้าเป็นหลังแม่ธรณี เขาว่าเงินทองจะไหลมาเทมาคล่องกว่า จึงนิยมกว่า

การสร้างและการกดพิมพ์ พระใน พ.ศ. 2513 (ยันต์จมและหลังแม่ธรณี) ได้ทำ 2 ครั้ง คือ พ.ศ. 2513 หลวงพ่อทำเองกับมือ แต่ทำได้น้อย จึงทำครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2516 พระที่บูชาใช้กัน ส่วนมาก (โดยมาก) เป็นการทำครั้งที่ 2 พระทำครั้งที่ 2 นี้แจกไม่หมด ศิษย์ไม่อยากได้เท่าไร เพราะพระใหญ่โต มาเล่นหากันตอนที่รู้ว่า พระของท่านเก่ง เก่งมาก ๆ โต ก็จะใช้ พระเก็บไว้ในหีบหนัง ท่านพูดว่าพระนี้เขามีเจ้าของ ไม่ช้าไม่นานเจ้าของเขาก็จะมาเอา พระพิมพ์นี้ ใช้น้ำมันตังอิ้ว เป็นตัวประสาน พระจึงดูไม่แห้งเท่าอายุ (พระชุด 2 นี้มีปลอมแกะพิมพ์ใหม่ แกะพิมพ์ได้สวยกว่าของเดิม มวลสารที่ใส่มากกว่าของเดิม)

มวลสารที่ผสมใส่ หลวงพ่อจะใส่ผงสมเด็จโต, ผงของท่าน, เกศา, พระธาตุ, เกศาผู้มีบุญ, แร่ต่าง ๆ, เถ้าอังคารหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, เถ้าอังคารหลวงพ่อศรี (สี) วัดพระปรางค์, ดอกไม้ดอกกาหลง, ดอกพิกุล, ว่านเสน่ห์จันทร์, ว่านสาวหลง, แป้งสาวพรหมจรรย์, แร่เพชรหน้าทั่ง, แร่โคตรเหล็กไหล, ขนนกการะเวก พระพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ (พิมพ์ 2 ครั้ง) ท่านทำไว้เกือบ 12 สี มีน้ำตาล, ชมภู, ดำ, ขาว, ดอกมะลิ, ส้ม, เขียวฯ แต่ชนิดสีพบน้อย ที่พบมาก คือ เปือกไข่, ขาว, พิกุล, ส้มฯ สีดำพบน้อยดูยากสักหน่อย

การเสกท่านจะเสกด้วยคาถา 3 บท มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือคน (ศิษย์) โดยอ้างอิง พระแม่ธรณีให้มาช่วย นอกจากนั้นก็เสกด้วยพระปริตร แก้โรคระบาด แก้และกันห่ากินคนและกินสัตว์ และเสกด้วยบทอื่น ๆ อีกหลายบทเป็นเรื่องแปลก แปลกมาก ๆ และมหัศจรรย์ คือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบนี้ สามารถบอกเล่าเวลามีภัย สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ภายใน 5 วินาที ถึง 5 นาที เหมือนเช่นกำลังโดนจับ ค้น ขอดูใบขับขี่, ขอดูสำเนารถ, รถชนกันฯ แล้วเราโทรไปหาตำรวจ ยศสารวัตร โทรติดให้เขาช่วยพูดเรื่องจบเลย เมีย (พวกบ้าน, ภรรยา) จับได้ว่า ไปมีกิ๊ก สามารถบอกเล่ากับคาถา 6 ตัว บางคนแก้ไขไม่ได้ อาจต้องบอกเล่ากับหลวงพ่อและพระปรกโพธิ์ 9 ใบ อาจแก้ไขสถานการณ์ได้ ภายใน 5 นาที ถึงครึ่งชั่วโมง (ถ้าแก้ไม่ได้อาจถึงบ้านแตก) พระนี้มีเทพยดาที่ใจร้อน, ใจไว, จิตไว, ปกปักรักษาอยู่ (ขอจัดอันดับ 1 แหวกม่านอกใหญ่ก็อันดับ 1 หลังรูปรุ่นแรก พิมพ์เล็กนิยมก็อันดับ 1 เก่งทั้ง 3 แบบ ไม่ขอจัดเป็นรองพระ 3 แบบ เนื้อผงนี้ ถ้าท่านมีปัจจัยมาก ทำธุรกิจหลายร้อยล้าน ควรหาไว้ พระนี้ไม่เป็นรองใคร ถ้าจะเป็นรอง ก็เป็นรองแต่ของสมเด็จโต แต่ก็ใช้ผงสมเด็จโต ผสมสร้างองค์จริง ๆ หาได้ยาก ดูยากด้วย ดูยากกว่าแหวกม่านอกใหญ่ และหลังรูป 1 พิมพ์นิยม)

จะขอเล่าเพื่อบันทึก เอาแค่น้ำมนต์ 3 บท ที่ท่านรดให้และเอาแค่คาถาที่ท่านเสกข้าวให้สุนัขกินลอง ๆ อ่านดูก่อน แล้วค่อยเล่าตอนอภินิหารย์ของพระพิมพ์นี้

น้ำมนต์ เรื่องที่ 1
นายผิว แย้มพราย เป็นคนบ้านแค ต้องคดีปล้น จี้ชิงทรัพย์ (วัว, ควาย) ได้ขึ้นศาล 2 ศาล ศาลตัดสินจำคุกเลย มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อได้รดน้ำมนต์ 3 บทนี้ให้ขึ้นศาลฎีกา ศาลสุดท้าย ยกฟ้องเฉยเลย

เรื่องที่ 2
นายไกร (ตุ่น) คำแผง บ้านเดิมอยู่แหลมข่อย อ.เดิมบาง (ปัจจุบันอพยพมาอยู่ใกล้บ้านผู้เขียน ½ กม. ได้) ต้องคดีฆ่าคน ฟันคอเขาขาดเลย ได้มาให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ ตำรวจได้ปล่อยประละเลย ไม่สืบ, ไม่ถาม, ไม่ตามจับ ได้หนีไปอยู่จังหวัดจันทบุรี พอเรื่องสงบ เข้ามอบตัว ตำรวจก็ไม่เอาเรื่องเฉย ๆ ขอเงินกันใช้เล็กน้อย คนร้ายคือ นายแก้ว พเนจรมาจากโคราช

เรื่องที่ 3
นายเผชิญ คนบ้านครู อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ฆ่าเขยใหญ่ตาย แต่นายเผชิญ เป็นศิษย์ของหลวงพ่อ เคยมาช่วยงานวัด จำหน่ายวัตถุมงคล ได้มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ ตำรวจมาดูที่เกิดเหตุ ได้จับนายเบิ้ม เขยกลางไป รุ่งเช้านายเผชิญเข้ามอบตัวที่ สน. บางระจัน รับสารภาพผิด สารวัตรโมโหมาก ได้หยิบปืนนายเผชิญตบหน้าเขา 1 ที แล้วพูดว่า ไปรับเงินใครเขามา ถึงได้มารับผิดแทน เรื่องทำผิดแล้วไปบอกท่าน ถ้าทำให้ไปหาท่านเลยที่รูปหล่อก็ได้ บอกกับท่านว่าเขาหาว่า ผม......เขาตาย หลวงพ่อช่วยด้วยให้รดน้ำมนต์ที่วิหาร (บริเวณบันได) แล้วบนกับท่าน เช่น ผ้าป่า, มูลนิธิ, บวชหรือจ้างบวช, ถ้าไม่โดนจับ หรือคดีหลุด ถ้าไปสารภาพเขาที่โรงพักแล้ว จะแก้ไขลำบากมาก ถ้าคดีถึงโรงพัก ให้ปฏิเสธไว้ก่อน จึงจะพอแก้ไขได้

เรื่องที่ 4
คุณสามารถ แซ่อึ้ง เดิมเป็นคนบ้านแค ฐานะดี เป็นคนจีน โดนโจรลูกน้องอาจารย์ฝ้าย เดิมบาง ปล้นเอาทรัพย์สินไปมากมาย คุณสามารถเมื่อโดนปล้น ได้ระลึกถึงหลวงพ่อ มาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อได้รดน้ำมนต์ 3 บทให้ เมื่อรดน้ำมนต์เสร็จ คุณสามารถได้ถามหลวงพ่อว่า ผมจะได้ของคืนไหม ถ้าผมเป็นหลวงพ่อ ผมจะเข้ากุฏิ ปิดกุฏิเงียบเลย แต่หลวงพ่อพูดว่า อีก 3 วันรู้ผล (พร้อมทั้งให้ไปแจ้งความกับตำรวจด้วย) อยู่ต่อมา ตำรวจมาแจ้งว่า ให้ไปดูทรัพย์สินตอนนี้ เจอทรัพย์สินของคุณสามารถแล้ว ตกอยู่ริมทางเกลื่อนไปหมด สาเหตุเพราะโจรแบ่งทรัพย์สินไม่เท่ากัน ยิงกันตายเกลื่อนตก 10 คน เรื่องนี้เกิดแค่ 3 วัน

เรื่องที่ 5
นายต่วย เทียนจันทร์ (จัน) คนหัวเด่นใกล้วัดหลวงพ่อ โดนข้อหาซื้อขายวัว, ควาย ยามวิกาล ตำรวจ สน. สรรคบุรี เบื่อคนชื่อต่วยเต็มที่ ได้พยายามฆ่านายต่วย ยามวิกาล นำวัว, ควาย ทำท่าจะนำมาขาย ถ้าออกมาซื้อก็จะฆ่าเสีย ตำรวจยุคนั้นมีผู้กองเจิม ผู้กองพงษ์เวส และผู้กองเจิม ทำอะไรไม่ได้เลย จะมายิ่งกี่ครั้งก็ยิ่งไม่ได้ แต่หลวงพ่อให้ตะกรุดมา 1 ดอก ขอสัจจะไม่ให้เป็นโจร (ซื้อขายของยามวิกาล)

เรื่องที่ 6
เสือยิ่ง (มี 2 คน คนหนึ่งโดนตำรวจทุบตาย เผาไม่ไหม้ ในปากอมพระพิมพ์สรรค์นั่ง 1 องค์ ภายหลังได้นำกระดูกมะแกะเป็นกุมารทอง) อีกคนเป็นคนบ้านแค มีอาชีพพิเศษลักควาย, วัว, ตีชิงฯ ตำรวจต้องการตัวแบบตาย ๆ นายยิ่งได้มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ แล้วขอสัจจะ ไม่ให้เป็นโจร เสือยิ่งรับสัจจะ หลวงพ่อได้ว่าคาถาให้เสือยิ่งอ้าปาก แล้วท่านถมน้ำลายใส่ปากเสือยิ่ง 1 ก้อนเล็ก ๆ เสือยิ่งรู้ว่าหลังพ่อเมตตา ได้กลืนน้ำลายเข้าปาก เลิกอาชีพโดนตำรวจตามฆ่า แต่พอพบตัวตำรวจกลับจำไม่ได้เฉย ๆ เคยเจอกันครั้งสุดท้าย เอากุมารทองเนื้อตะกั่ว มาคล้องคอหน้าตาเฉยเลย ยังเล่าว่ากุมารทองนี้ ได้ไปตาม ผีพ่อ, ผีแม่, ที่เมืองผี มากินอาหารตรุษสารทได้ เขาย้ายไปอยู่ทางดง อ.หันคา จ.ชัยนาท

เรื่องที่ 7
หมอเฉลียว เดชมา ศิษย์ฆราวาสมือขวาของหลวงพ่อ มีนิสัยชอบเล่นการพนัน เดิมฐานะดีมาก เมื่อเล่นการพนันก็ติด ฐานะก็เริ่มย่ำแย่ลง ได้มาหาหลวงพ่อ (ความจริงมาประจำ) หลวงพ่อรู้เข้า ได้ขอสัจจะ เล่ากันว่า ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เมื่อรดน้ำมนต์แล้ว ฐานะก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่จิตใจยังห่วง ยังห่วงเล่นพนัน เคยเป็นเจ้ามือหวย เล่นไปเล่นมาทรุด จนเรื่อย ๆ จนต้องอพยพไปอยู่ด่านขุนทด (โคราช) ภายหลังคิดขึ้นได้ ว่าผิดไปตอนไปอยู่ เช่าห้องเขา 1 ห้องเล็ก ๆ ขายอาหาร ติด ๆ กันเขามีที่ดินแบ่งขายเป็น 10 ไร่ มีบึงใหญ่ น้ำในบึงลึกมาก ขนาดคิดเอาว่าเป็นบึงพญานาค พอได้สติ ได้ขอรับสัจจะกับหลวงพ่อใหม่ (แบบขอศีล พูดเอง เออเอง) เขาปรับปรุงร้านใหม่ เช่าเขาทำใหม่ให้ดี เอาสีผึ้ง, ผ้ายันต์, คาถาเครื่องรางของหลวงพ่อมาใช้ มาบูชา 5 ปี ได้เขาซื้อที่ได้ตก 10 ไร่เศษ ปลูกบ้าน 3 ชั้น ใหญ่โต ราคาหลายล้านบาท

เรื่องที่ 8
นายช่างสมาน (ฉายาพระสันติกาโร) เป็นฆราวาส มือซ้าย ของหลวงพ่อ ไม่ได้เรียนวิชาอะไร เป็นช่างทำโบสถ์ มีหลักฐานคือที่รูปหล่อเท่าองค์จริง ใต้ฐานเขียนว่า ช่างสมาน เป็นผู้ดำเนินการสร้าง (หลวงพ่อสั่งให้เป็นผู้จัดทำ) อาชีพเก่าเป็นนักเลง อาจเป็นเสือ, นักเลง ขณะเป็นช่างทำโบสถ์ พกปืนสั้น 2 กระบอก อยู่ ๆ เกิดขัดใจกับเสือนี (ตานี) แห่งดงพิกุล เสือนีใจถึงชอบฆ่าคน ช่างสมานได้มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ แล้วมอบเหรียญรุ่น 1 ให้ มาใช้ ได้ให้คาถานกยูงทอง มาสวด ตอนก่อนนอน และค่อนสว่าง (เป็นคาถาบาทเดิม) ภายหลังมีผู้มาถามถึงคาถาบทนี้ คาถาบทนี้ จะจารึกไว้หลังเหรียญ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า “นะโม วิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา” แล้วท่านก็ขอสัจจะ จากช่างสมาน ไม่ให้ทำอาชีพเสริม ท่านได้พูดว่า ต่อแต่นี้ มึงไม่ต้องกลัวมัน (เสือนีก็เป็นศิษย์แต่ไม่ละเว้น ศิษย์เดียวกัน) ต่อให้พ่อมันอีกคน มึงก็ไม่ต้องกลัว ด้วยแรงกรรม เสือนีฆ่าคนเป็นว่าเล่น แม้แต่แม่ยาย ไม่พอใจแม่ยาย ฟันคอแม่ยายขาดเลย อยู่ต่อมา เข้าใจว่าเป็นมนต์บท 3 บท เสือนีถูกเขวี้ยงบ้าน ความใจร้อนดุ โดดเรือนลงมาจะมาฆ่าคนเขวี้ยงบ้าน (ค่อนสว่าง) ลืมตะกรุดของหลวงพ่อ พอโดดเรือนลงมา คนดี (จ่าดิษฐ์) สภอ.เดิมบาง ยิงตายเลย ดิ้นทุรนทุรายไม่ตาย จ่าดิษฐ์ได้ตัดไม้สะเดาทุบตายเลย คาถานกยูงทองนี้หลวงพ่อให้นายสมานไว้แค่คนเดียว แต่เป็นบทเต็ม ๆ ใครอยากได้ไว้ให้หาศึกษาเอา ถ้าไม่เก่งศิษย์พระสายอาจารย์มั่น คงไม่จารึกไว้หลังเหรียญ ภายหลังหลวงพ่อให้พรไว้ ให้บวชเป็นพระ แล้วสร้างโบสถ์, สร้างศาลา เขาก็ได้บวชเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวเด่น สร้างโบสถ์, ศาลา, เมรุ, วิหารหลวงพ่อกวย นับว่าเป็นศิษย์ที่ดีคนหนึ่ง ท่านยังได้คาถาพ่อค้าเร่ อีก 1 บท

เรื่องที่ 9 ขอเป็นเรื่องสุดท้าย ในคาถา 3 บท ที่ใช้รดน้ำมนต์ นายเมือง มั่นปาน เป็นคนบ้านแค เป็นเพื่อนเขยกับลุงเนียม บ้านเคยอยู่ในวัด นายเมือง มีฐานะยากจน หลวงพ่อสักหนุมานให้ 1 ตัว เขาเกเร ติดฝิ่นด้วย ชอบลักขโมยเขาเป็นประจำ หลวงพ่อเลยรดน้ำมนต์ให้ แต่ตำรวจเขาเบื่อคนชื่อเมืองเต็มที่ ผู้กองเจิม, ผู้กองพงษ์เวส มือปืนหลายคน ได้ยิงเขา แต่ยิงออก เพียงแต่ไม่เข้า มีรอยลูกปืน 10 กว่าชนิด เป็นรอย เป็นไตแข็งอยู่ทั่วตัว ตก 30-40 ที่

อีกคนคือ หลวงตาจิ๊ต (ชิต) หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้เพราะคนเขาร่ำลือว่า นายจิ๊ต ยิงไม่ออก หลวงพ่อเลยต้องรดน้ำมนต์ให้ กลัวลูกศิษย์ตาย ผลคือ ไม่ว่าจะยิงนายจิ๊ตอย่างไรก็ยิงไม่ออก (เขามีตะกรุด 1 ดอกด้วย) แม้บวชแล้วก็โดนยิงประจำ แต่ไม่เคยออก ภายหลังหลวงปู่บุดดาบวชให้ ก็ยังยิงไม่ออก เขาสามารถเสกหินก้อนกรวดให้ลอยน้ำได้

อีก 2 คนชื่อ นายชัย กับนายปาน เป็นพี่น้องกัน สติไม่ดี ชอบมาบีบนวดให้หลวงพ่อและแขก (ศิษย์)ที่มาวัด เขาชอบเดินไปตามบ้านคนทั้งคืน หลวงพ่อเกรงว่า เดี๋ยวคนเขาจะเข้าใจผิด เอาปืนยิงเสียตาย เลยรดน้ำมนต์ 3 บทให้ สักให้ด้วย 2 คนนี้เคยโดนยิง นับครั้งไม่ถ้วน ไม่ออก, ไม่ถูกเลย นับครั้งไม่ถ้วน บ้านเขาอยู่บ้านแค นโยบาย (หมอปาน) เคยโดนรถกระบะชน รถหม้อน้ำแตก ไปไม่ได้ แต่นายปานตกคลอง คลานขึ้นมาได้หน้าตาเฉยเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องบุญคุณของหลวงพ่อ ที่มีต่อผู้เขียนสมควรบันทึกเอาไว้ ผู้เขียนได้ภรรยา ตั้งแต่ยังหนุ่มเลย อายุ 20 ปี อยากรวย เห็นผู้หญิงจีนเขาขยันทำมาหากิน ได้พาภรรยาจากกรุงเทพ ลูกครึ่งจีน เมื่อมาบ้าน เรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้ เป็นเรื่องปกติ ไม่ค่อยจะปองดองกัน สักเท่าไร ภรรยาผู้เขียนรู้สึกอึดอัด ผู้เขียนเลยพาเขาไปรดน้ำมนต์กับหลวงพ่อ หลวงพ่อได้ถามว่ามายังไง ภรรยาผู้เขียนได้ตอบว่า หนูตามพี่เฒ่ามา แม่ผัวไม่รักเท่าไร พอจะเล่าต่อ ท่านบอกพอแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร “ไอ้ครูเฒ่า มึงไปตักน้ำมา เดี๋ยวจะทำน้ำมนต์ให้” พอดีเด็กชายที เด็กรับใช้หลวงพ่อ เด็กหมอเฉลียว เดชมา อยู่พอดี ผมเลยวานเขาไปตักน้ำมาจากบ่อ ให้ทิปเขาไป 1 บาท (ราดหน้า ราคา 1 บาท 50 สตางค์) หลวงพ่อยกน้ำในขันที่ทำในกุฏิ ให้ภรรยาผู้เขียนดื่ม ก่อนดื่มท่านพูดว่า “อธิฐานเอา จะได้ทุกอย่าง” ให้พูดเสียงดัง (ออกเสียง) ด้วย ภรรยาผู้เขียนพูดว่า “ขอให้มีความสุข” ดื่มแล้วคืนขันให้ท่าน ท่านผสมน้ำมนต์กับน้ำในกระป๋อง แล้วรดให้ ภรรยาของผู้เขียนขอกับท่านมาก เมื่อกลับมาถึงบ้าน (ขี่มอเตอร์ไซค์ไป) แม่กับน้องสาวได้วิ่งแถมเดินเข้ามาหา ถามว่าไปไหนมาได้บอกแม่ว่า ไปรดน้ำมนต์กับหลวงพ่อกวย แม่ของผู้เขียนและน้องสาว ได้แกะดอกเทียนที่ติดอยู่บนผมออกให้ เรียกเข้าบ้าน รักภรรยาของผู้เขียนเหมือนลูก รักกันจนตายจากกัน 3-7 วัดหลังรดน้ำมนต์ให้ พ่อกับแม่ก็ปลูกบ้านให้ ราคา พ.ศ. 2520 บ้าน 2 ชั้น ราคา 22,400 บาท (สองหมื่นสองพันสี่ร้อยบาท) ค่าปลูก 2,400 บาท (สองพันสี่ร้อย) เทียบเงินสมัยนี้คงประมาณ 2 แสนเศษ ก่อนปลูกผู้เขียนไปหาหลวงพ่อ อยากได้น้ำมนต์รดบริเวณบ้าน และปักหลักให้ท่านดูให้ ท่านทำน้ำมนต์ให้มา ผู้เขียนใส่ถึงพลาสติกมา ตอนที่ท่านทำให้ท่านพูดว่า “อยากได้แค่ไหนก็ให้เอาน้ำมนต์นี้รดเอา พรมบ้านด้วย” (บริเวณปลูก)

ผู้เขียนไม่เข้าใจคำพูดของท่าน ได้พรมบริเวณปลูกบ้านและพรมล้อมบ้านกันผี เป็นรูปสี่เหลี่ยม ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง ที่มีมาก อยู่ต่อมาพ่อแม่ก็ยกให้ เท่าที่เอาน้ำมนต์พรม คือ 1 ไร่ครึ่ง

เรื่องน้ำมนต์นี้ผู้เขียนไม่อยากให้วิชา และคาถาของท่านเสื่อมสูญ ผู้เขียนกับอาจารย์ชุมพล วัดหนองเฒ่า และอาจารย์นักรบ เจ้าอาวาส รู้ว่าท่านเก่งน้ำมนต์ 3 บท เลยคิดอ่านทำเหรียญน้ำมนต์ ขนาดใหญ่ (เท่า ๆ ของหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่) โดยนำรูปตอนที่หลวงพ่อทำน้ำมนต์หยดเทียน มีบาตรน้ำมนต์, หญ้าคา โดยใส่คาถา 3 บท ลงไปทุกตัวอักษร (ใส่คาถาสะท้อนกลับแถมให้ด้วย) ได้ทำจากชนวนล้วน ๆ หลายกิโลกรัม เทหล่อแบบโบราณ แต่เหรียญออกมาไม่สวยเลย เลยต้องแกะแม่พิมพ์ใหม่ (แบบปั้ม) จึงได้เหรียญที่สวยมาก ได้ทำไว้ 4-5 เนื้อ เช่น นวะ, สำริดเหลือง, สำริดแดง, อัลปาก้า และลงยา ตอนนี้เหลือแต่ สำริดเหลือง, อัลปาก้า และลงยา 3 เนื้อ ติดต่อทำบุญได้ที่วัดหนองเฒ่า ท่านอาจารย์นักรบ เจ้าอาวาส โทร. 085-273-5515 หรือถ้าติดต่อไม่ได้ ให้ลอง ๆ ติดต่อที่มูลนิธิเล่ม 2 ดู ผู้เขียนได้ทดลองนำมาใช้ดู 1 ครั้ง คือ ลูกน้องโดนข้อหา ลักทรัพย์ มันชื่อวิรัช ดีเดช ไปลักเหรียญหนุมานเขา ตำรวจจับได้ ก่อนโดนจับ ผู้เขียนรู้ว่า งานนี้ไม่รอดคุกแน่ ได้ทดลองนำเหรียญรุ่นนี้ ทำน้ำมนต์รดให้มันคนแรกเลย มีพยานบุคคลชัดเจนขึ้นศาล แบบไม่มีทนาย ศาลสั่งจำคุก 3 ปี 6 เดือน (คดีเก่าเอามารวมด้วย เคยต้องคดีมาเกือบ 10 ครั้ง ไม่หลาบจำ) ผู้เขียนได้บอกเล่ากับหลวงพ่อ ขอให้ติดคุกสัก 1 ปี 6 เดือนเศษ ทราบว่ามีการอภัยโทษ เขาติดคุกแค่ 1 ปี 6 เดือน ตามที่ขอกับหลวงพ่อ ก็ไม่รู้ว่าเก่งหรือเปล่า เพราะครั้งเดียว มีคนบางคนเห็นเหรียญสวยดี ได้นำไปเลี่ยมคล้องคอประสพอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ปลอดภัยดี ผู้เขียนได้นำไปเสกหลายทีหลายครั้ง พิธีใหญ่ ๆ อดีตเจ้าอาวาสที่เก่ง ๆ ไม่ไกลนัก จะนำไปเสก แทบทุกครั้ง เช่น พิธีวัดหลวงพ่อปากคลอง (ศุข), พิธีวัดหลวงพ่อโม, พิธีวัดหลวงพ่อปลื้ม, พิธีวัดของหลวงพ่อ 3-4 ครั้ง (สร้างมา 3-4 ปีแล้ว 2563) ลูกน้องวิรัช ดีเดช ฉายฟงหวิน ขี่พายุทะลุฟอยส์ (อยู่คุกสุพรรณ)

ต่อไปจะขอกล่าว ถึงวิชาเสกข้าวให้สุนัขกิน เพราะใช้คาถา 3 บทเสก วิธีการทำ (ขอกล่าว) ไว้ดังนี้ ถ้าหลวงพ่อรู้เรื่องว่า ศิษย์เดือดร้อนมาหา ต้องคดี จะโดนคดี จะสอบเข้าทำงาน (เมื่อมีการแบ่งปัน) หลวงพ่อจะปั้นก้อนข้าว 1 ถึง 3 ก้อน เสกด้วยคาถา 3 บทนี้ แล้วให้ศิษย์นำไปให้สุนัขกิน ที่ทาง 3 แพร่ง ถ้าสุนัข (หมา) มันพูดภาษาคนได้ คน ๆ นั้น (ศิษย์) จึงจะแพ้เขา, แพ้ภัย, ขึ้นศาล, แม้ถูกปรักปรำ คู่กรณีก็จะพูดไม่ออก หรือมีอันเป็นไป ในเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างจะให้การกับพระเจ้าแผ่นดิน (เข้าใจว่าพระพรรณวษา) เพื่อปรักปรำขุนแผน ขุนแผนรู้คาถานี้ ได้ว่าคาถาตั้งแต่เดินเข้าวังแล้ว ผลคือ พอจะเบิก (เรียก) ตัวขุนช้าง ขุนช้างท้องเสียอย่างแรง จะเรียก (เบิก) ตัว กี่ครั้ง ก็ท้องเสีย จึงต้องยุติเรื่อง เรื่องคล้ายกันนี้ หลวงพ่อเคยทำเมื่องาน พุทธาภิเษก ที่วัดเดิมบาง พ.ศ. 2518 ในงานเสกเหรียญวัดเดิมบาง แต่เมื่อมีใครถามท่าน ท่านจะพูดแบบสุภาพว่า พระท่านไม่สบาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นการลองวิชากัน คาถา 3 บทนี้ เป็นวิชาทำน้ำมนต์ขั้นสูงสุด เป็นวิชาเสกข้าวให้สุนัขกิน ใช้เวลาสอบแข่งขัน, เวลาต้องคดี, เวลาจะโดนจับให้เขียนชื่อศัตรู ยัดในก้อนข้า 1-3 ก้อน เสกด้วยคาถา 3 บทนี้ นำไปให้สุนัขกินที่ทาง 3 แพร่ง เราจะชนะ ท่านพูดว่า ถ้าหมามันพูดภาษาคนได้ เราถึงจะแพ้ แต่เมื่อหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว เราทำเอง ความมั่นใจของเราอาจลดน้อยลงไป แต่มีคน (ศิษย์) หลายสิบคนทำได้สำเร็จ เพียงขอให้มั่นใจ ทั้งการทำน้ำมนต์และเสกข้าวให้สุนัขกิน หลายคนลอดจากคุก ยกเว้นคนที่ไปรับสารภาพกับเขา แต่ก็จะได้รดหย่อนโทษ ให้เหลือน้อยลง ในคาถานี้มีสายมือ มีอยู่ในคาถาเล่ม 1 แต่ถ้าจะเอาเป็นแผ่น 3 บท ขอมาได้ฟรี (จ่าหน้าซองติดแสตมป์มา) ต่อไปจะขอบันทึกอำนาจของวิชาเสกข้าวให้สุนัขกิน ตอน 1 น้ำมนต์ 3 บท,

ตอน 2 วิชาเสกข้าวให้สุนัขกิน ตอน 3 อิทธิฤทธิ์ของพระปรกโพธิ์ 9 ซึ่ง 3 ตอนนี้ใช้คาถา 3 บทเสก

เรื่องที่ 1
เอาเรื่องเบา ๆ ก่อน คุณสุรศักดิ์ เพ็ญทองดี ทำงานอยู่ ร.ร.เมืองอารัมย์ บ้านดงเมือง หมู่ 7 ต.เมืองทุ่ง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด คุณสุรศักดิ์ เขาจบ ม. 6 แต่สอบทหารและตำรวจไม่ได้ ผู้ช้าถ้าไม่มีงานทำ มันกลุ้มมาก, เครียด พอดีที่ ร.ร.เมืองอารัมย์ เขาเปิดสอบนักการภารโรง คุณสุรศักดิ์ เลยสมัครสอบ เขานับถือหลวงพ่อกวยมาก เขาเลยเขียนชื่อคู่แข่ง ใส่ก้อนข้าว 3 ก้อน เสกด้วยคาถา 3 บท (บอกให้หลวงพ่อเสก และช่วยเสก) เสกอยู่เป็นวันเป็นคืน แล้วนำไปให้สุนัขกิน ก่อนสอบประมาณ 1 วัน 1 คืน เมื่อเข้าสอบเขาสอบได้ชนะทั้งข้อเขียนและปฏิบัติ เขาบนบวช ลูกชาย 2 คนก็เรียนจบครูแล้ว 1 คน เขาทำนาเป็นอาชีพเสริม นับถือหลวงพ่อ นับถือผู้เขียน หลายครั้งนำข้าวสารหอมมะลิมาฝากเป็นกระสอบใหญ่ นับถือผู้เขียนเป็นพ่อ ผู้เขียนเลยมอบทุนการศึกษาให้ลูก ๆ เขาไปบ้างตามกำลัง ได้ครอบวิชาสักยันต์ให้ไป เขาช่วยแจกซองผ้าป่าหลายปี เขาเป็นคนดีและซื่อ หาได้ยากในประเทศไทย พ.ศ.นี้ คาถา 3 บทนี้ บทที่ 1 เป็นคาถา 6 ตัว ไม่จำเป็นอย่าภาวนาส่งเดช เป็นคาถาเชิญพระแม่ธรณี บทที่ 2 เป็นคาถาพระแม่ธรณี เชิญให้มาผจญหมู่มารให้ภัยแพ้ ขึ้นต้นด้วย “ตัดษา เกสิ ตะโต...” บทที่ 3 คือ บารมี 10 (บารมี 30 ทัศ) ขึ้นต้นด้วย “อะยันตุโพนโต...” คาถานี้ขอได้ฟรี ลายมือของหลวงพ่อ เขียนให้ผู้เขียนไว้ อีกด้านของใบคาถาเป็นรูปของท่านเสกแล้ว เป็นรูปขณะทำน้ำมนต์

เรื่องที่ 2
คุณประยุทธ แสงสว่าง ตอนที่เขาจะสอบเป็นนักการ ร.ร.วัดสามเอก เขาเล่าไว้ด้วยความเคารพ เขาจะสอบเป็นนักการเขาได้ปรึกษาพี่ชาย ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ พี่ชื่อ พยนต์ แสงสว่าง นายพยนต์ ได้เป่าหัวให้ 1 ที แล้วเสกข้าวปั้น มาให้ 1 ก้อน ให้เอาไปให้สุนัขกันที่ทาง 3 แพร่ง คุณประยุทธก็ไม่มั่นใจ เท่าไร ได้ถามท่านว่า ผมจะสอบเข้าได้ไหม หลวงพ่อได้พูดว่า “มึงสังเกตให้ดี ตอนเอาข้าวให้หมามันกิน ถ้าหมามันพูดภาษาคนได้ มึงถึงสู้เขาไม่ได้” เมื่อคุณประยุทธ เอาข้าวเสกให้สุนัขกิน คุณประยุทธรู้สึกหวั่นวิตก ข้าวก็ 1 ก้อนเท่านั้น หัวก็เป่าแค่บทสั้น ๆ 1 บท

วันสอบ มีผู้สมัคร 8-9 คน ภาคเช้าสอบข้อเขียน ภาคบ่ายสอบปฏิบัติ คู่แข่งหลายคนเป็นช่างไม้ โอกาสแพ้มีเต็มร้อย มีการสอบทำโต๊ะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง คุณประยุทธไม่มั่นใจเลย เพราะไม่เคยทำ ขณะเจาะขาโต๊ะ เอาสว่านเจาะ เขาทำดอกสว่านหัก คาขาโต๊ะเลย สั่นไปหมดเขาตกใจหน้ามือเลย ขณะหน้ามืด เขาได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดว่า “ถ้าหมามันพูดภาษาคนได้ มึงถึงจะแพ้เขาๆๆๆ” พูดซ้ำหลายครั้ง คุณประยุทธเลยแงะดอกสว่างที่หักออก เอาตะปูตอกแทน คู่แข่งทำนำไปเกือบเสร็จ พอดีเวลาหมด เจ้าหน้าที่ ได้ถามว่า จะต่อเวลา จะมีใครคัดค้านหรือไม่ คุณประยุทธยกมือขึ้นอัตโนมัติ โดยไม่คิด (ภายหลังมาคิดได้ว่า ถ้าต่อเวลา ก็จะแพ้เขา) กรรมการเลยไม่ตัดสิน เรื่องต่อโต๊ะ เพราะไม่มีใครทำเสร็จ เลยมาตัดสินตรงข้อเขียน ปรากฏว่าคุณประยุทธ สอบข้อเขียนได้ที่ 1 เขาจึงได้เป็นนักการภารโรง สมัยก่อนนักการภารโรง เป็นลูกจ้างประจำ ทำงานได้ยั้นปลดเกษียณ ถ้าไม่เกเร เป็นงานมั่นคง เงินเดือนขึ้นทุกปี มี 2 ขั้น ร.ร.วัดสามเอก อยู่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี บ้านคุณประยุทธอยู่ไม่ไกลจาก ร.ร.นัก เขาขอพรหลวงพ่อ เช่าบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อก่อน จ่ายเงินทีหลัง เอาของไว้ก่อนรุ่งขึ้น ถ้าถูกหวยจะเอาเงินหวยใต้ดินจ่าย เขาทำแบบนี้ 5-6 ครั้ง มีมีดหมอ 2 เล่ม รูปหล่อบูชารุ่น 1, 2 (2 องค์) เขามีลูกชาย 2 คน ผู้เขียนเคยไปขอแบ่งรูปหล่อบูชารุ่น 1 จากเขา เขาบอกจะให้ลูกชาย 2 คน ผู้เขียนไป 2 ครั้ง ต้องกลับ เกรงใจเขา ลูกเขา เขาก็รัก ลูกเราเราก็รัก

เรื่องที่ 3
นายกลิ่น ขันทอง บ้านเดิมอยู่บ้านหัวเกาะ อ.เดิมบางนางบวช ปัจจุบันย้ายไปอยู่สามเอก เขาถูกกว่าหาว่า ไปลักยิงเขา ที่ทุ่งหนองอีปรางค์ เขาตกใจมาก เพราะตำรวจกำลังตามจับ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตัว เขาได้ไป (มา) หาพี่ชาย ชื่อสนิท ขันทอง มาขอคำปรึกษานายสนิท เป็นศิษย์ของหลวงพ่อกวย นึกถึงหลวงพ่อกวย ได้พาน้องชายมากราบหลวงพ่อ (เป็นธรรมเนียมนิยม สำหรับหลวงพ่อกวย เวลาศิษย์ใหม่ จะมากราบเป็นศิษย์ ถ้ามีพี่, น้อง, ญาติ, กรรมการวัด ซึ่งเป็นศิษย์เก่า ถ้าศิษย์เก่าพอมากราบ พามารับรอง จะดี, ไว สมัยก่อนนิยมอย่างนี้ สมัยนี้ถ้าทำได้ ก็จะดี) นายสนิทและนายกลิ่น เล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง ว่าเขาไม่ผิด หลวงพ่อเป่าหัวให้ 1 ทีและเสกก้อนข้าวให้ 3 ก้อน สั่งว่า ให้เอาไปให้สุนัขกินที่ทาง 3 แพร่ง โดยให้กินทีละ 1 ก้อน นายกลิ่น ได้ถามท่านว่า ผมจะโดนตำรวจจับหรือไม่ หลวงพ่อพูดว่า “ถ้าหมามันพูดภาษาคนได้ มึงถึงโดนตำรวจจับ” นายกลิ่นก็ไม่มั่นใจเท่าไร อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในป่า, ในทุ่ง, ในนาฯ วันหนึ่งจ่า “พัว” (จ่ามือปราบ ดัง, เก่ง, ใจถึง, จับเก่ง, จับจริง ดังในยุคของผู้เขียน ผู้คนเกรงกลัวมาก เป็นจ่าในตำนาน เคยจับรถเรื่อไร หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก สามชุก ภายหลังบวชอยู่กับหลวงพ่อหร่ำ เป็นตำรวจยุคแรกของเดิมบาง หนังสืออ่านไม่ออก ภายหลังสร้างวัด ด้วยที่ของตัวเอง เป็นเจ้าอาวาสเอง) จ่าพัวได้เห็นนายกลิ่น โดดจับเลย ได้ใส่กุญแจมือพูดว่า ไอ้นี่มีคดี กูจำได้ ขณะโดนจับ หลวงพ่อพูดด้วยจิตว่า “ถ้าหมามันพูดภาษาคนไม่ได้ กูรับรองมึงไม่โดนจับๆๆๆ...” หลวงพ่อพูดด้วยจิต แต่ดังชัดเจน พูดหลายครั้ง แต่ตอนนี้ นายกลิ่นโดนจับอยู่ ตารางร้อยเปอร์เซนต์ หลวงพ่อพูดได้ไง ไม่โดนจับ ยังจะมาพูดอยู่อีก ก็โดนจับติดกุญแจเห็น ๆ พอดีตำรวจลูกน้อง 2 คนได้มาพูดกับจ่าพัวว่า ทางโนนมีคนทำน้ำตาลเมาหลายคน ต้มเหล้าด้วย เราไปจับคนทำน้ำตาลเมา, ต้มเหล้า ดีกว่า จ่าพัวเห็นดี ได้ไขกุญแจมือที่ติดใส่ นายกลิ่น ขันทองออก แล้วพูดว่า มึงไปเถอะ กูไม่จับมึงแล้ว ตำรวจ และเจ้าทุกข์ ก็ไม่ได้ไปร้องเรียนถึงเรื่องของนายกลิ่นอีกเลย นับว่าวิชาเสกข้าวให้สุนัขกินนี้ แน่นอน เด็ดขาด (จ่าพัวนี้ ตอนไปบวช ปลดเกษียณได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จ, ผงสุพรรณ, ด้วยว่านกันงู ปี 2509 เสกพิธีเหรียญพระปัจเจและได้ถวายหลวงพ่อกวยมาค่อนลังแม่โขงได้ นับว่าปลายชีวิตเขาเป็นคนดี ลูกก็เรียนที่กรุกเทพ ทำงานดี พระเสกที่วัดวังจิก วัดหลวงพ่อหร่ำ หลวงพ่อหร่ำเป็นศิษย์ร่วม อ. กับหลวงพ่อ (หลวงพ่อศรี (สี))

เรื่องที่ 4
ขอย้อนรอยเล่าเรื่องวิชาน้ำมนต์ขอ 1 เรื่อง เพราะเป็นเรื่องสำคัญอยากบันทึกเอาไว้ ถ้าข้ามไปก็จะไม่สมบูรณ์ เจ้าของร้านชื่อ “ร้านญาณวัฒนา” อยู่ จ.สิงห์บุรี เข้าใจว่าปัจจุบัน คงจะขายรถมอเตอร์ไซค์ เคยมีรถบัส วิ่งรับผู้โดยสาร ฐานะดีมาก เป็นคนจีน ในวันนั้น หลวงพ่อไปธุระที่สิงห์บุรี บังเอิญเจอกับเถ้าแก่ฮะ (เข้าใจว่าเป็นคนเดียวกับเถ้าแก่เล็ก สรรคบุรี คนที่หลวงพ่อจับมือ ถ่ายรูป มีรถจิ๊ปของเถ้าแก่เล็กด้วย สมัยนั้นคนรวยเท่านั้น จึงจะมีรถจิ๊ปใช้) เถ้าแก่เล็กคุยกับหลวงพ่อสักพัก ก็แนะนำให้หลวงพ่อรู้จัก เจ้าของร้านเป็นอาม่า (เถ้าแก่ใหญ่) ของร้าน ได้คุยกันสักพัก หลวงพ่อก็ลากลับ (หลวงพ่อไม่เป็นที่รู้จัก กับคนต่างจังหวัดนัก เพราะสื่อพระ จะขอนำเรื่องไปลง ท่านไม่อนุญาต ท่านเกรงความวุ่นวาย ไม่มีเวลาเสกของ คนเลยไม่ค่อยรู้จักท่าน) เจ้าของร้านอาม่า ได้พูดกับหลวงพ่อว่า “แล้ววันหน้า ดินฉันจะไปเที่ยวที่วัด ตอนนี้ฉันยังจะไม่ทำบุญหรอก เพราะฉันเคยทำบุญกับพระอื่น ๆ มามาก แล้วไม่ได้บุญ พอทำบุญไปแล้ว พอมืด ได้ข่าวว่า พระไปนั่งเล่นไพ่ที่โรงแรมโน่นนั่นแน่ ฉันจะขอไปดูที่วัดก่อน” หลวงพ่อพอได้ยินเจ้าของร้านพูดอย่างนั้นก็หน้าเสียเลย พูดกับหมอเฉลียวว่า “ทำไมเขาจึงพูดอย่างนี้กับเรา” เราก็ไม่ได้มาบอกบุญหรือเรื่อไร” แล้วท่านก็พูดว่า “สงสัยร้านนี้ คงจะเคยถูกพระหรอกมาบ้างแล้ว พระสมัยนี้หากินแบบนี้ ก็เยอะเหมือนกัน แต่เราไม่ถือเขาหรอก เพราะเขาไม่รู้จักเรา เขาไม่รู้ถือว่าเขาไม่ผิด แต่ก็คงไม่กี่วันใย (ยาย) คนนี้ คงจะไปที่วัดจริง ๆ”

อยู่ต่อมาไม่นาน เจ้าของร้านญาณวัฒนา และลูก ๆ หลาน ๆ ก็มาที่วัดจริง ๆ มาถึงก็มาเดินดูรอบ ๆ วัด หลวงพ่อกำลังสร้างโบสถ์อยู่ เจ้าของร้านได้พูดว่า รู้สึกศรัทธาอยากจะทำบุญ แต่ติดขัดตรงที่ ตอนนี้ที่ร้าน (บ้าน) กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน รถบัสไม่ได้วิ่ง เขาหาว่าไปชนเขา คนขับรถกับกระเป๋ารถ ติดคุกอยู่ที่ตาคลี นครสวรรค์ เรื่องก็ยังไม่จบ 2 ปีแล้ว หมดเงินไปหลายหมื่น ทนายความก็มาขอเรื่อย บอกว่าหลุด แต่ก็ไม่หลัดสักที คนขับรถกับกระเป๋ารถ ก็ต้องจ่ายเงินให้เขาทุกเดือน สงสารลูกเมียเขา หลวงพ่อได้พูดว่า “ต้องไปจ่ายเงินเดือนให้มันทำไม” (หลวงพ่อลองใจ ดูว่าอาม่า เป็นคนดีแค่ไหน) อาม่าได้ตอบว่า ถ้าไม่จ่ายเงินเดือนให้เขา ลูกเมียเขาจะเอาเงินที่ไหนกิน ที่ไหนใช้ และพูดว่า คนขับรถและกระเป๋า เขาไม่ผิด วันเกิดเหตุ มีรถของคนอื่นชนกันอยู่ก่อนใหม่ ๆ พอดีรถบัสของดิฉันมาพอดี ก็จะแซงขึ้นหน้าไป เกิดแซงไม่พ้น รถเกิดเอียงตกถนนไปไม่ได้ ตำรวจมาพอเจอเข้า ลงความเห็นว่ารถของดิฉันชนท้ายรถคันหน้า ทำให้รถอีก 2 คันชนกัน จะพูดอย่างไร เจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟัง เลยต้องขึ้นศาล ตอนนี้เป็นความกันอยู่ 2 ปีแล้ว ทนายก็มาเอาเงินเรื่อย หลวงพ่อพอจะมีวิธีช่วยเหลือดิฉันอย่างไร ได้บ้างไหม หลวงพ่อได้พูดว่า ไปขอประกันตัว คนขับรถกับกระเป๋ารถ 2 คนนี้ มาที่วัดได้หรือไม่ อาม่าได้ประกันตัว 2 คนมาแล้ว หลวงพ่อได้รดน้ำมนต์ให้ (น้ำมนต์ 3 บท หลวงพ่อเกรงว่าวิชานี้จะสาบสูญ ได้จดคาถาให้ผู้เขียนไว้ และให้ใช้บูชาคู่กับพระปรกโพธิ์ 9 ใย ก็ใช้ทำน้ำมนต์ได้) เมื่อขึ้นศาลครั้งสุดท้ายไม่นาน 1-2 สัปดาห์ ศาลได้ตัดสินยกฟ้อง เจ้าของร้านญาณวัฒนาได้พาลูกหลานฯ คนขับรถ, กระเป๋ารถ มาที่วัด มากันหลายคน ได้เช่าบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปมากเป็น 1-2 หมื่นบาท สร้างแท่นพระประธานในโบสถ์ เป็นเงิน 14,000 บาท (หนึ่งหมื่น 4 พันบาท) เงินสมัยประมาณ พ.ศ. 2515 แทบทุกปีเขาจะนำเทียนจำนำพรรษามาถวายหลวงพ่อ แม้หลวงพ่อจะมรณภาพไปแล้ว ร่วมสร้างวิหารรูปหล่อของหลวงพ่อสร้างกุฏิ 2 ชั้น ชื่อตึก “ชุตินฺธโร” ถวายหลวงพ่อ นับว่าเป็นศิษย์ที่ดีมาก ผู้เขียนเขียนขึ้นรู้สึกสงสารหลวงพ่อ ในครั้งแรก และตื่นตันใจในความดีของเจ้าของร้าน ญาณวัฒนา น้ำตาพาลจะไหลให้ได้....

ต่อไปจะขอเล่าถึงพระพิมพ์ปรกโพธิ์ 9 ใบ ที่หลวงพ่อพูดเรียกว่า พระพิมพ์ร่มโพธิ์ หลวงพ่อพูดว่า พระพิมพ์นี้ใครมีไว้บูชา ก็จะประสพแต่ความร่มเย็น เพราะต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงนั่งบำเพ็ญและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนตรัสรู้ เป็นต้นไม้ใหญ่โต เป็นที่อาศัยของนกกา และเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในศาสนาพุทธ พระพิมพ์นี้ ที่หลักฐานการสร้าง ลงพ.ศ. ไว้ พ.ศ. 2513 ด้านหลังปรกโพธิ์ 9 ใบ หลังยันต์บางพิมพ์ (บางพิมพ์ก็ไม่บอก พ.ศ. พิมพ์หลังแม่ธรณีไม่บอก พ.ศ.) พระค่อนข้างโต ก่อนหน้านี้ ทำไว้ 2 พิมพ์ คือ ด้านหลังเป็นรูปพระชินราช นูนออกมา, อีกพิมพ์เป็นยันต์ดวงแก้ว) พ.ศ. 23 จึงสร้างพิมพ์นิยม สร้างพิมพ์หลังรูปด้วยและน้ำเนื้อปรกโพธิ์ ไปกดในพิมพ์อื่น ๆ ด้วยแต่ไม่มาก แม้พิมพ์ของวัดชิโนรถ (ถอดพิมพ์เนื้อโลหะ) ก็ทำด้วยเนื้อนี้ พระทำ 2 ครั้ง ประมาณครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2516-18) ทำครั้งแรกหาดูยาก หลวงพ่อทำเองทั้ง 2 ครั้ง ที่พบทั่ว ๆ ไป เป็นการทำครั้งที่ 2 ไม่ทราบ จำนวนแน่นอน หลวงพ่อทำเองในกุฏิ พระช่วยตำผงด้วยครกตำข้าว ขนาดใหญ่ ทำตอนนั้นทำแทบทุกวัน วันละ 1 ก้อน ขนาดลูกมะพร้าว ทำตอนหลังสรงน้ำเย็น ถึงมืด แม่พิมพ์มี 3-4 ตัว ถอดจากแม่พิมพ์ตัวเดียวกัน (มีปลอมทำสวยกว่าของจริง แต่เนื้อใหม่ ถอดพิมพ์โดยใช้คอมฯ ถอดลายเส้นแม่ธรณีใหญ่ตากว้าง (ถอดไม่ได้) เพราะใช้คอมฯ เส้นใหญ่ นอกนั้นอาจมีศิษย์ทำครั้งที่ 3-4 ถอดพิมพ์เช่นกัน เนื้อสวย แต่เนื้อใหม่ อาจใช้ยางได้ลูบให้เก่า เขาช่วยหลวงพ่อทำเผยแพร่ ขายเอง) ในปี พ.ศ. 2515 หลวงพ่อป่วย ญาตินิมนต์ให้ท่านไปพักวัดหนองอีดุก หมอเฉลียว เกรงว่าท่านจะมรณภาพ ได้ขอสร้างพระหลายพิมพ์ โดยใช้แม่พิมพ์เก่า มาสลับยันต์ สร้างปรกโพธิ์ 9 ใบ กับหลังรูป เนื้อสีเหลืองด้วย (หลายคนบอกว่า ไม่ทัน รวมทั้งเหรียญเสาร์ 5 (รุ่น 2) บล๊อคเสริมด้วย เขาว่าไม่ทันหลวงพ่อ เหรียญรุ่นนี้เขาว่าไม่ทันก็ไม่ทัน ไม่ยากสำหรับผู้เขียน แต่มีหลักฐาน การทำอยู่ ผมก็เพิ่งเรียนมัธยมปลาย อภินิหารย์มี หมอประทวน พานิช บ้านอยู่ตรงข้ามท่าเรือจ้างเดิมบางวัด อ.ถนอม พ.ศ. 15-16 อ.ถนอม นำเหรียญบล๊อคเสริม มาให้ทำบุญที่วัดเดิมบาง หมอประทวน ทำบุญไว้ 1 เหรียญ คนรวยทำบุญไม่มาก ใช้คล้องคออยู่จนเดี๋ยวนี้ ถ้าเหรียญสร้างหลังมรณภาพ หมอประทวนจะมีเหรียญนี้คล้องได้อย่างไร ฐานะหมอเงินไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้าน อีกคนเป็นพระเป็นศิษย์ อ.สาคร ระยอง มาบ้านมาบูชาเหรียญนี้ไปจากผู้เขียน ราคา 500 บาท ไปบ้านเกิดน่าน มีคนขอลองยิง ยิงไม่ออก 3-6 นัด ขากลับขอเช่าบูชาไปหมดเลย 10 เหรียญได้ อีกคนลืมชื่อแล้ว ฐานะดี คล้องคออยู่ เป็นมือปืนทีมชาติ (อดีต) ค้าวัสดุก่อสร้าง อยู่ทางสมุทรสาคร, สมุทรสงครามฯ เคยนำเหรียญรุ่นนี้มาลองยิง 6 นัดไม่ออก มีคนพูดว่า ไม่ทัน พี่เขาพูดว่า ถ้า อ.เฒ่าสร้างเหรียญหลวงพ่อไม่ทัน แต่ยิงไม่ออก ผมก็ใช้ พี่เขาคล้องคออยู่ พี่เขาเคยดูแลหลวงพ่อปรง ก่อนมรณภาพ ผมวานพี่เขาให้ไปดูแล เรื่องการพูดนี้ เขาว่า พูดอะไร ถ้ามันตรงไป คนก็จะฟังไม่ได้ พระปฏิบัติสอนให้ผู้เขียนพูดอย่างนี้ (สาย อ.มั่น ภูริทัตโต) เช่นมีความถามว่า เหรียญรุ่น 1 หลวงพ่อสร้างไว้กี่เหรียญ ถ้าผมพูดแบบพระปฏิบัติ จะตอบว่า ผมไม่รู้ ผมเพิ่งเกิดได้ 9 ปี ไม่เคยนับ แล้วท่านเสกหรือเปล่า ผมจะตอบว่า ผมไม่รู้ไม่เคยเห็นท่านเสกเลย ท่านเสกในกุฏิ ถามว่าท่านเสกด้วยคาถาอะไร ผมจะตอบว่าผมไม่รู้ ท่านไม่เคยพูดให้ฟัง ถามว่าท่านเสกนานไหม ตอบว่าเหรียญ 1 แจกหมด พ.ศ. 2516 (รวมเวลา 06-16 รวม 10 ปี) ถามว่าเก่งไหม ตอบว่า เก่งมาก คือ พูดตรง ๆ นี้ฟังยากจัง อาจโกรธกันเลยก็ได้ ส่วนปรกโพธิ์และหลังรูปสีเหลือง ปรกโพธิ์จะเล่าให้ฟังในตอนนี้ เจ้าของเรื่องชื่อ สมนึก ไทรแก้วเรือง (เล็กชื่อเล่น) มีประสบการณ์ที่อังกฤษ ตอนนี้ (28 พ.ย. 63-20) หนีกลับมาอยู่ไทยโควิด-19 ลูกสอบตำรวจได้หลักสูตรอังกฤษ ได้ไปเรียนต่อหลักสูตรสก๊อตแลนด์ยาร์ด จบทำงานแล้วหลายปี ตก 10 กว่าปี (2563) เขาคล้องคอใช้อยู่ มีรูปนักมวย (ค่ายมวย) ที่อังกฤษที่พี่เขาเคยเปิดค่ายมวย จะลงรู้ให้ดู แต่ถ้าพูดว่า พระเนื้อนี้ไม่มี ก็ไม่มี ในปีพ.ศ. 15-16 ทหารเคยนำพระนี้ หลวงพ่อให้ไปรบลาว และครั้งสำคัญเกิดเหตุ พ.ศ. 16 เขาก็บูชาพระนี้ แต่ศิษย์บางคน บอกว่าไม่มี สร้างตอนหลังมรณภาพแล้ว แล้วเรื่อง พ.ศ. 15-16 มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีก็ไม่มี ผู้เขียนไม่ยาก ศีลข้อมุสา มักโอนอ่อนหย่อนตาม ถ้ามีคนมาขอให้ดูพระให้ ผู้เขียนไม่ชอบ ผ่าทางตัน ไม่ชอบขวางทางปืน ไม่ชอบขัดคอคน ไม่ชอบสนจมูกม้า รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะยิงฟันไม่เข้า คือ ไม่ได้เหนียวอะไร เขายิงกัน ฟันกัน ผู้เขียนจะไม่เข้าไป จนกว่าเขาจะสอบแล้ว ถึงเข้าไปดู (พูดเล่นน่ะ)

ต่อไปจะขอเล่าถึง อภินิหารย์ของพระปรกโพธิ์ 9 ใบ บันทึกไว้ดังนี้ ถึงจะเป็นเรื่องเก่าก็อยากบันทึกเอาไว้ เพราะคงไม่ได้เขียนได้ละเอียดแบบนี้อีก

เรื่องที่ 1
คุณพี่สมนึก ไทรแก้วเรือง ชื่อเล่นชื่อเล็ก พี่เขาพอจะมีสตางค์ พ่อแม่ส่งไปเรียนที่อังกฤษ ไปเรียนหลายปีก็ติดประเทศอังกฤษ เงินเดือนสูง นิสัยก็เลยติดฝรั่ง ไปอยู่หลายปี มีภรรยาเป็นชาวอังกฤษ มีลูกชายลูกครึ่ง หน้าตาแบบฝรั่ง จบปริญญาตรี จะสอบเรียนต่อตำรวจอังกฤษ แต่พอไปสมัครเขาไม่รับ ค้นดูประวัติ เข้าใจว่าเคยเล่นว่าวในสวนสาธารณะเขตหวงห้าม อาจเกี่ยวโดนสายไป ข้อ 2 มีแผลเป็นที่ศีรษะ 1 ที่ และ แขน 1 ที่ (ถ้าจำไม่ผิด) ที่ศีรษะมีแน่ เจ้าหน้าที่ ร.ร.ตำรวจ ลงความเห็นว่า อาจเคยเป็นนักเลงหัวไม้ ลูกชายอยู่กับพ่อใหม่ ได้มาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี พี่สมนึกสงสารลูกจับใจ ไม่รู้จักใครในโรงเรียนตำรวจเลย จะวิ่งเต้นแบบในประเทศไทยก็ไม่ได้ ลูกเรียนดีมาก หล่อเหลาหน้าตาแบบฝรั่งเลย พี่เขาคล้องปรกโพธิ์สีเหลือง ปี 15 อยู่ พี่เขาจุดธูป บอกหลวงพ่อให้ช่วยด้วย หลวงพ่อจะรับรู้ได้อย่างไร อยู่คนละซีกโลกเลย แต่หลวงพ่อก็รู้ ก็ช่วย ประมาณ 10 วันได้ ทางโรงเรียนตำรวจ (นายตำรวจ) ได้ติดต่อมา ให้ไปสมัครได้ แบบอัศจรรย์ พี่เขาก็ดี ขอข้อ 2 เลย ขอให้สอบให้ได้ ลูกพี่เขาก็สอบได้ เรียนอยู่ 3-4 ปี (ประมาณนั้น) จบหลักสูตรโรงเรียนายตำรวจอังกฤษ ยังไม่พอ พี่สมนึก (เล็ก) ขอข้อ 3 เลย ขอให้ลูก (ลูกขอ) ได้สอบเรียนต่อหลักสูตรสก๊อตแลนด์ยาร์ด ไปเรียนต่อที่สก๊อตแลนด์ อีก 3-4 ปี (ประมาณนั้น) ลูกพี่เขาก็สอบได้ รับน้อยมากเพียงไม่กี่คน จบมาหลายปีแล้ว ถ้าพระเก่งอย่างนี้เป็นผม ผมก็บูชาขึ้นคอ

อีกเรื่อง นายหอมกลุ่น คนสรรคบุรี เคยไปรบลาว พ.ศ. 2515-16 หลวงพ่อให้ไป โดนโจมตีหลายครั้ง ครั้งหนึ่งรอดมาได้ เพราะปวดท้องถ่าย ขณะไปถ่ายนอกฐาน ข้าศึกโจมตี เพื่อน ๆ ตายตก 10 กว่าคน เขารอด กลับมาบ้าน พ.ศ. 16 ขึ้นรถไปทางสะพานใหม่ ชัยนาท จวนจะถึงสะพานแล้ว เกิดท้องเสีย ขอลงข้างทางถ่ายหนัก ยังไม่ทันเสร็จ รถคันที่นั่งมา (รถ 2 แถว) เกิดชนกันคนตาย 10 กว่าคน ก็แปลกดี
นายแถม เหมือนเงิน เป็นคนท่าเตียน อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ไม่ไกลจากบ้านผู้เขียนนัก เป็นญาติห่าง ๆ บ้านเดิมอยู่ห่างกัน 50 เมตร เป็นนักเลงในวัยหนุ่ม พ่อเลี้ยงรังแก สุดจะทานทน ได้สู้กัน พ่อเลี้ยงใช้มีดปาดตาล นายแถมใช้พร้า พ่อเลี้ยงโดดลงมาจากบ้านจะฟัน นายแถมฟันสวน ฟันก่อน โดนตรงคอ คอบาดเลย ผีพ่อเลี้ยง สางตาสง เฮี้ยนมาก คอขาด โดดลงมาจากต้นตาล ยามค่ำคืน บ้านนอกเงียบมาก โดดลงมา แหวกใบตาล น่ากลัว โดดมาแต่คอ นายแถมรวบรวมความกล้า คนอื่นไม่กล้า ถ้าเจอจะฟันซ้ำ เอาไฟฉายไป พอเข้าไปมีกลิ่นเหม็นเต็มไปหมด ส่องไฟดู เจอหัวกะโหลกเต็มไปหมด ดูชัด ๆ เป็นลูกตาลสุก นายแถม เมื่อไปกรุงเทพ นอนมุ้งเดียวกันกับผู้เขียน ที่บ้านพักตำรวจ สน.ยานนาวา เป็นน้องชาย จสอ.ประเทือง เหมือนเงิน เขาเป็นคนจริงเคยใช้ตะกรุดหลวงพ่อ โดนยิงไม่ออกเลย โดนหนัก ๆ กลัวตาย โดนยิงที่ อ.ด่านช้าง สุพรรณ ไปกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อเห็นว่า อันตรายเลยบอกว่า (พูดว่า) เอาปรกโพธิ์ไปใช้ดีกว่า เอาที่มันมองไม่เห็นมึง แต่พอเอาเข้าจริง ท่านก็หยิบหลังรูป เนื้อกระดูกผีมีให้มาอีก 1 องค์ นายแถมยังหาสมเด็จหลังรูปรุ่นแรกไว้บูชา อีก 1 องค์ คือไปซื้อที่อยู่ดวงด่านช้าง เจ้าพ่อขอซื้อต่อ เขาไม่ให้ เมื่อพูดกันดี ๆ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องพูดกันด้วยปืน เจ้าพ่อส่งคนมายิงเขา เขาคล้องปรกโพธิ์ 9 ใบหลวงพ่อให้ใช้องค์นี้ สายรายงานว่าขับรถมอเตอร์ไซค์ ออกมาแล้ว มือปืนดักอยู่ห่างบ้าน 10 กิโลเมตรได้ (จะมาบ้าน, ธุระที่ตลาดท่าช้าง) มือปืนไม่เจอ เจอแต่พระชราองค์หนึ่งขับรถมา นั่งบนถังน้ำมัน มีคนซ้อนแก่มาก นั่งซ้อนท้ายมา น่าจะเป็นทายกวัด บางครั้งหลวงต่อองค์นี้ ก็นั่งหมอบหลบลม บางครั้งก็ขี่โก๋หลบลมเอาขาหลังพาดเบาะก็เคย มีคนเห็นหลายคนเขาจำรถได้ บางครั้งก็จำนายแถมได้ หลวงพ่อก็แสบเหมือนกัน สมัยอั้งยี้เรืองอำนาจ ท่านเคยถ่ายรูปไว้ใส่แว่นตาดำ แบบยุคสมัย แว่นโต ๆ แบบนักเลงเขาใส่ นายแถมได้มาขอพรสมัยหนุ่ม ๆ ลูกเขาเป็นตำรวจยศดาบ 1 คน, พยาบาล 1 คน แต่ท่านบอกให้นายแถมชื่อที่ดวงที่ป่าไว้ถูก ๆ มาก ๆ ลูกสาวคนหนึ่งเรียนไม่เก่ง ได้รับมรดกที่เดี๋ยวนี้เป็นเจ้าแม่รวยในดง

อีกคนชื่อบุญชี อ้นฉ่ำ อดีตเป็นนักการภารโรง ร.ร.พัฒนาปากน้ำ ผู้เขียนสอนอยู่ 2 ปี อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านผู้เขียน บุญชูเป็นลูกพ่อแก่อุ้ย อายุตอนตาย 100 ปี พ่อแก่อุ้ยเป็นน้องเสือผ่านจมูกขาด เสือผ่านเคยเอาก้อนเงินที่ปล้นมาได้ มาถวายหลวงพ่อทำปลัด บุญชูเป็นภารโรง แต่ไม่มีใครรู้ว่า เป็นนักเลง เป็นมือปืน เขาใช้พระรอดของหลวงพ่อ มีเป็น 10 องค์ เคยโดนยิงไม่เคยถูกเลย ให้คนไปจับใบดำ ใบแดง คัดเลือกทหารก็ไม่ถูกทหาร โดนแอบยิงที่ ร.ร. และที่บ้านประจำ นึกกลัวขึ้นมา ได้มากราบหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกเอาปรกโพธิ์ 9 ใบ ไปใช้ซิ มันจะมองมึงไม่เห็น บุญชูโดนแอบยิงอีก ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน คนร้ายหาเขาไม่เจอ บุญชูเห็นคนร้าย แต่คนร้ายไม่เห็นบุญชู เลยไม่มีการยิงกันเฉย ๆ เลย บุญชูมีรูปหล่อ 1 ( 1 องค์) เคยโดนยิงไม่ออก 2-3 ครั้ง นับว่าปรกโพธิ์นี้กำบังดีมาก

อีกคนหนึ่งชื่อ สมนึก มั่นปาน บ้านอยู่ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี เป็นคนพอจะมีฐานะ แต่ก็ถูกอิจฉาตาร้อน จากคนในอาชีพเดียวกัน คุณสมนึกเขามีพระปรกโพธิ์ 9 ใบใช้บูชา อยู่ 1 องค์ แต่พอคนร้ายจะเข้าบ้านได้แอบดู บริเวณบ้าน ปรากฏว่าคนในบ้านไม่ยอมหลับนอน เดินไปเดินมา เพ่นพ่านเต็มไปหมดเหมือนมีงาน บริเวณบ้านมีแสงสว่างคล้ายมีดวงจันทร์อยู่ (ส่องอยู่) เลยขโมยความไม่ได้ อีกครั้งคู่อริได้ว่าจ้างให้คนร้ายมาขโมยรถกระบะในบ้าน คนร้ายก็ร้ายสมชื่อ ได้พยายาม ดันรถจากข้างบ้านให้ถอยออกมา นอกรั้วจนได้ โดยไม่ยอดติดเครื่องยนต์ เกรงว่าเจ้าของบ้านจะตื่น แต่ด้วยความมืด ความกลัว คนร้ายได้ดันรถยายามจะออกถนนใหญ่ คนร้ายดันรถโดยไม่มีใครคุมเบรคและพวงมาลัย รถได้ถอยตกบ่อหลาริมคลอง ริมถนน รถตกไป 2 ล้อหน้า คนร้ายเลยเอารถไปไม่ได้ ครั้งสุดท้าย คู่อริ ได้ว่าจ้างมือปืน มาฆ่าคุณสมนึก มือปืนเป็นคนละโมภได้พยายามอยู่หลายครั้ง พอมาถึงคันรั้ว ก็มักจะมาตอนเดือนหงาย แต่พอมาถึงกลับเจอผู้คนหลายคนเป็น 10 คน เดินไปมา แม้จะเห็นคุณสมนึก แต่ก็ยิงไม่ได้ มีคนเดินบังทางปืน อยู่หลายครั้ง จนหมดความอดทน เพราะมายิงตก 10 ครั้ง เลยเลิกความตั้งใจ ภายหลังสืบทราบว่า คุณสมนึกเป็นคนดี เลยเล่าเรื่องให้ฟังทุกอย่าง นับว่าพระปรกโพธิ์ 9 ใบนี้ดี มีทรายเสกเป็นภูติพรายผสมอยู่

อีกคนหนึ่ง ชื่อเถ้าแก่เล็ก หนองตาแก้ว คือบ้านเขาอยู่หนองตาแก้ว เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เป็นคนมีฐานะดี ค่อนข้างมาก มีรถทัวร์ เคยเป็นนายกเล็ก (อบต.) เป็นดอง (ลูกสาวได้แต่งงาน) กับคุณป้าสมนึก ภู่งาม เถ้าแก่เล็กมักโดนคนร้ายงัดแงะ ลักทรัพย์สินเป็นประจำ จึงมาปรึกษาหลวงพ่อ หลวงพ่อได้ตักทรายเสกให้ไป 1 ถึง ให้เอาไปหว่านรอบ ๆ บ้าน และในบ้าน สมัยนั้นก็มีคนติดยาบ้ากันแล้ว (สมัยนั้นเรียกยาบ้านว่า ยาม้า) คนร้ายได้พยายามมางัดแงะบ้านเถ้าแก่เล็กประจำ แต่เมื่อมากลับเห็นคนในบ้านไม่ยอมหลับยอมนอน หลายคนหลายครั้ง คนร้ายนอนคอยจนหลับอยู่ข้าง ๆ บ้าน พอเจอคนจริง ๆ ตอนสว่างก็ตื่นและลุกวิ่งหนีไป หลายคนนอนคอยอยู่ในโรงนาจนหลับก็มี เถ้าแก่เล็กเห็นว่า หลวงพ่อกวยนี้มีอาคมดี จึงไปเช่าพระ ขอพระกับหลวงพ่อ เอามาใช้คล้องคอ หลวงพ่อได้ให้พระพิมพ์ร่มโพธิ์ (ปรกโพธิ์ 9 ใบ) มาใช้บูชา เถ้าแก่เล็กเขาจะดุมีสง่าราศรีดีขึ้น ทำอะไรก็เจริญงอกงาม ได้ขอพระกับปรกโพธิ์ 9 ใบ ก็สมัครเป็นนายกเล็กได้ คนร้ายก็เลิกคิดเข้ามางัดแงะทรัพย์สินในบ้านอีก เล่ากันว่าพระปรกโพธิ์ 9 ใบนี้มีส่วนผสมของแร่วิเศษของวิเศษ ดังนี้ 1. แร่อุกาบาต 2. แร่เพชรหน้าทั่ง (แร่ฤาษี) 3. พลอยเสก 4. พระธาตุ 5. เกศาของท่านและของผู้มีบุญสูง 6. ว่านนางกวัก, นางคุ้ม, สบู่เลือด, เสน่ห์จันทร์, กาหลงฯ 7 โคตรเหล็กไหล 8. ผงสมเด็จโต, ผงของท่าน 9. ทรายเสกเป็นภูติพราย, ทรายแม่น้ำเนรัญชราและอื่น ๆ อีก ที่เหนือกว่านั้น ท่านสามารถเสกพระให้มีเทวดารักษาได้ ไม่ว่าพระนั้นจะเก่าหรือใหม่ ถ้าใหม่แต่บอกเล่าท่านและจะนำปัจจัยไปก่อสร้าง ท่านสามารถเสกพระใหม่ ได้เหมือนสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่เลย คือเทพยดารักษา มีเทวดาประจำองค์พระเหมือนของเก่าเลย ใน 1 ปี เดือนเมษายน ทางวัดจะเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะเหรียญหนุมานที่เสกใหม่ จะมีศิษย์มาเช่าบูชากันมาก บางปี เช่าบูชากันชนิดหมดวัดเลย แต่เดือนเมษา เดือนเดียว วัตถุมงคลมีมากขนาดเป็นคันรถกระบะ

อีกคนหนึ่งเขาชื่อ บรรพต แจ้งสมบูรณ์ บ้านอยู่อำเภอครบุรี โคราช เขามีฐานะดี บ้านเขาอยู่ในหุบเขาลึก ในดงของอำเภอครบุรี มีที่เป็น 100 ไร่ ฐานะค่อนข้างดี เขาทำไร่ทำสวนมีมะขามหวาน, ทุเรียน เขามีพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ใช้บูชาอยู่ เขาเคยสมัครนายกเล็ก (อบต.) คู่แข่งไม่ชอบใจ คู่แข่งได้ส่งคนร้ายมือปืน มาลอบฆ่าเขา 2 ครั้ง สำคัญ มากันครั้งละ 1 คันรถกระบะ ครั้งแรกนัดกัน กับคนชี้เป้า คนร้ายไม่ได้พกปืนมา แต่มีคนนำอาวุธมาซุกซ่อนให้ไว้ ครั้งแรกมากัน หาจุดนัดพบไม่เจอ หลายปีมาแล้ว มือถือมีคลื่นบ้าง ไม่มีบ้าง ล้มเหลว ครั้งที่ 2 มากันมากเท่าเดิม ไม่ได้พกปืนมา (ปืนสงคราม) ถ้าพกมาอาจเจอตำรวจระหว่างทาง แต่พอมาถึงจุดยิง ปรากฏว่าหาปืนไม่เจอ ปืนซุกในพุ่มไม้ แต่หาคนละพุ่มเลยไม่เจอ เข้าใจว่าเป็นอำนาจของพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ที่คุณบรรพตคล้องคอ และสวดมนต์ ขอให้ช่วย ถ้ามีภัย แต่คุณบรรพต เขาไม่ยอมซื้อเสียงเลยแพ้เขาภายหลังคนร้าย 2-3 คนเห็นว่าคุณบรรพตเป็นคนดี, ซื่อ เลยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง คุณบรรพตเคยคล้องคอด้วยพระนี้ พร้อมมีดหมอของหลวงพ่อ ไปล่าสัตว์ เช่นหมู่ป่า, กระต่าย, นำรถกระบะไป ไปนอนในไร่ลึกในป่า เขาหลับไป (ก่อนนอนสวดมนต์ขอพรกับปรกโพธิ์) ตื่นขึ้นมา มีรอยตีนช้างป่าเป็นฝูง มาเดินรอบ ๆ เต้น นอนและรถเป็น 10 ตัว แต่ไม่มาทำร้ายเขาและเพื่อน ปกติช้างป่านี้ ถ้าเจอคนและสิ่งแปลกปลอม จะรุมทำร้ายอาจกระทืบเอาถึงเละและตาย คงเป็นเพราะอำนาจของปรกโพธิ์ 9 ใบ และมีดหมอ ตลอดในมนต์ 3 บท และคาถากันภัย 8 ทิศร่วมด้วยช่วยกัน

อีกคนหนึ่ง เขาชื่อ นายสำราญ (เอียง) น้ำจันทร์ เคยยิ่งใหญ่ เป็นกำนันตำบลบ้านของผู้เขียน โด่งดังมาก ตัวโต บังผู้เขียนมิด เคยสมัครเป็น ส.ส. (ยุคหมาหลง) เป็นสหายทางเกเร (เป็นศิษย์) เป็นศิษย์ของ อ.แสวง วัดหนองอีดุก อายุคราวพ่อของผู้เขียน เคยซื้อนาของผู้เขียน ปลูกบ้านในบั้นปลายของชีวิต มีลูกมากหลายสิบคน เมียมีมากกว่าลูก แก่กว่าผู้เขียน คือ รุ่นพ่อ อาชีพพิเศษรับซื้อ, ไถ่ถอน วัว, ควาย เป็นหัวหน้าโจร เขามาขอเป็นเพื่อนกับผู้เขียน ผู้เขียนเห็นว่า เสียเปรียบ เลยตกลง เขามีปรกโพธิ์ 9 ใบ อยู่ 1 องค์ใช้อยู่ วันหนึ่ง เพื่อนชวนไปลักควาย ไปกัน 2-3 คน เขาตกลง แต่พอเอาเข้าจริง เจ้าทรัพย์ ก็นักเลงพอตัว เจ้าทรัพย์ตื่นก่อน ได้ยิงกำนันเอียง ด้วยปืนลูกซองยาวบรรจุลูกโดด ยิงโดนโดนขา แต่ก็หนีมาได้ กลางดึกได้แอบมารักษาตัว ที่บ้านหมอรวย ตลาดปากน้ำ บ้านผู้เขียน หมอรวยฉีดยาแก้ปวด แก้อักเสบให้ พอดีเผลอหลับไป ค่อนสว่างเจ้าทรัพย์มาสืบดูเจอกำนันเอียง นอนหลับอยู่ จำได้ว่า เขายิงเอง กำนันก็ตื่นพอดี 2 คนรู้จักกัน (พอเจอกัน กำนันก็ว่าคาถา 3 บท ให้หลวงพ่อช่วยให้ปรกโพธิ์ 9 ใบช่วย) เจ้าทรัพย์พูดว่า กำนันมึงเป็นอะไร มานอนอยู่ที่นี่ กำนันตอบว่ากูไปลักควายเขา โดนเจ้าของควายยิง เจ้าทรัพย์พูดว่า กูยิงเอง กำนัดพูดว่า กูไม่รู้ว่าเป็นบ้านมึงและควายมึง กูไม่รู้จริง ๆ เพื่อนมันชวนไปเป็นเพื่อนกูก็ไป แล้วทั้งโจรและเจ้าทรัพย์ก็ร้องให้ กอดกันเฉยเลย (อำนาจของปืนลูกซอง บรรจุลูกโดดนี้ ยิงโดนตรงขา ขาบวมคับกางเกง ปวดแทบเดินไม่ได้เลย ดีว่าเพื่อนช่วยพยุงมา 2 คน เพื่อนเกือบทิ้งไว้กลางทางหลายหน เพราะกำนันเขาตัวโต น้ำหนัก 100 กว่ากิโลกรัม) นี่คือตำนานส่วนหนึ่งปรกโพธิ์ 9 ใบ ตอนท้ายจะเล่าตอนอิทธิฤทธิ์ที่เด็ดขาดกว่านี้ อย่าเพิ่งกระพริบตา

อีกคนหนึ่ง เขาชื่อ ธนภัทร เป็นคนภาคกลาง แต่บ้านเกิดอยู่ภาคใต้ ไม่รู้นามสกุล และที่อยู่ เขาบูชาพระปรกโพธิ์ 9 ใบอยู่ 1 องค์ นับถือมาก นับถือปรกโพธิ์ และหลวงพ่อมาก พ่อมีอาชีพเลี้ยงกุ้งกุลาดำ กุ้งกุลา (คำว่ากุลา น่าจะแปลว่า ไม่เหมือนเผ่าพันธุ์เดิม) กุ้งกุลาจึงตัวดำ แต่มีราคาแพง เนื้อกินอร่อยกว่ากุ้งทั่วไป เลี้ยงยากกว่ากุ้งชนิดอื่น ๆ มีช๊อคตาย ตายก่อนขายเป็นประจำ คุณธนภัทร ได้ไปเลี้ยงกุ้งกับพ่อที่ภาคใต้ เขาคิดถึงหลวงพ่อเสมอ แต่การไปเลี้ยงกุ้งกับพ่อ เขาสงสารพ่อมาก เพราะกุ้งมักน๊อคตาย ไม่เหลือขาย มักขาดทุนประจำ เขาสวดมนต์และระลึกถึงหลวงพ่อเสมอ วันหนึ่งจิตสงบ (สวดมนต์) ปัญญาเกิด เขาได้นำพระปรกโพธิ์ 9 ใบ (เขาว่ากันห่าและโรคระบาดสัตว์ ได้หลวงพ่อปลุกด้วย ปริตรมนต์ด้วย) เขาเลยนำพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ทำน้ำมนต์รดบ่อกุ้ง จุดธูปบอกกับหลวงพ่อว่า กุ้งไหน ๆ เขาก็จะต้องตาย เมื่อโดนจับไปขาย หรือตายก่อนกำหนด คือน๊อคตาย ผมขอให้หลวงพ่อช่วย, พระปรกโพธิ์ช่วย, พระแม่ธรณีช่วย, ขอให้กุ้งอย่าเพิ่งตาย ขอให้ได้กำหนดจับไปขาย แล้วค่อยตาย เขาขอแบบนั้น ปรากฏว่า กุ้งของเขาไม่น๊อคตาย ก่อนกำหนด จับขายได้ ตอนโตเต็มวัย จับขายได้ 2-3 บ่อ เป็นเงินหลายแสนบาท พ่อของเขาดีใจมาก เขาเลยเล่าเรื่อง ให้พ่อฟัง พ่อขายกุ้งได้ ให้เงินเขามา 1 แสน 5 หมื่น ให้มาหาซื้อพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ตาใจที่เหลือก็ให้ไว้ใช้ เดี๋ยวนี้คุณธนภัทร ก็ยังเลี้ยงกุ้งกุลาดำอยู่ อำนาจของพระปริตร (มนต์) ที่บรรจุอยู่ในพระปรกโพธิ์ 9 ใบของหลวงพ่อนี้ก็สำคัญเหมือนกัน มนต์นี้มีมาตั้งแต่พุทธกาล พระสมเด็จวัดระฆัง ของสมเด็จโต ก็เสกและบรรจุมนต์นี้ สมัยสมเด็จโตยังอยู่และมรณภาพไปแล้วเคยมีโรคห่าระบาด ชาวบ้านก็ใช้สมเด็จวัดระฆังนี้ ทำน้ำมนต์รักษาได้ (กุลา น่าจะแปลว่า ต่างเผ่า)

อีกคนหนึ่ง เขาชื่อคุณภานุกรณ์ พรนวะม่วง บ้านอยู่กรุงเทพ เขาบูชาพระปรกโพธิ์ 9 ใบ 1 องค์ เขาสงสัยว่า พระนี้ผู้มีบุญเท่านั้น จึงจะได้ไว้ครอบครอง เขาเดินเรือทะเล สงสัยทีไรสร้อยขาดทุกที พอขึ้นฝั่ง ตำรวจน้ำ ได้จับบุหรี่หนีภาษีของเขาได้ เป็นเงินมากหลายหมื่นบาท เขาได้บอกเล่ากับพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ให้ช่วย ผลคือ ตำรวจน้ำยึดบุหรี่ของเขาเอาไปหมด แต่ไม่จับเขา ก็ยังดียึดบุหรี่ ไม่โดนจับ เขาเคยขี่รถ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไปเติมน้ำมัน มีเงินแค่ 500-1,000 บาท แต่พอเติมเสร็จ รถเกิดสตาร์ทไม่ติดเฉยเลย เจ้าของปั้มก็ดีใจหา ได้ไปตามช่างมาแก้ไขซ่อมให้ (เขาเติมน้ำมันหมดตัวไปแล้ว) เมื่อกำลังซ่อมรถอยู่ เขานึกถึงพระปรกโพธิ์ให้ช่วยเมื่อซ่อมเสร็จ ได้ถามราคาช่างว่าเป็นเงินเท่าไร ช่างไม่คิดสตางค์เฉยเลย พูดว่ากับเถ้าแก่ปั้มน้ำมันเป็นเพื่อนกัน งานนี้ฟรี ถ้าวันนั้นมีการคิดสตางค์คุณภานุกร ต้องหน้าแตกแน่ ขี่บีเอ็มดับบริว แต่ไม่มีเงินจ่าย ค่าซ่อม ขี่รถระดับนี้ช่างจะเรียกราคาเท่าไร ก็ต้องให้เขา นับว่าพระนี้ เป็นพระที่ดี เรื่องแบบนี้ คุณศิริชัย - คุณแหม่ม ธีรวณิชยะกุล บ้านอยู่โรงฟอกหนัง สมุทรปราการ มีโรงงานด้วย มาหาเช่าพระ ปรกโพธิ์ 9 ใบ จากศูนย์แห่งหนึ่ง เช่าแบบหมดตัวเลย เขาเข้างานตอนกลางคืน คุมเครื่องจักร ดูแลความเรียบร้อย แต่หนีงานมา 4-5 ทุ่ม กับ ตี 1-2 ขากลับง่วงนอนขี่รถเร็ว, ขี่กินเลนด์ตำรวจเรียกจับ ไม่มีเงินจ่าย ขี่รถปาเจโร่ใหม่ แต่ไม่มีเงินเสียค่าปรับเถื่อน ตำรวจกักตัวอยู่ในป้อม 1-2 ชั่วโมง แต่พอนึกถึง พระปรกโพธิ์ให้ช่วย ตำรวจปล่อยตัว หน้าตาเฉยเลย

อีกคนหนึ่งชื่อ อ.ถมยา วัดท่าแก้ว เป็นพระอยู่วัดท่าแก้ว อ.หันคา จ.ชัยนาท เป็นศิษย์มือขวา เก่งตัวจริง ได้วิชาทำน้ำมนต์, ได้คาถามนต์พระกาฬ, ได้วิชาทำผงฯ สุขภาพท่านไม่ดี อายุ 4-5 ขวบ (เป็นโรคหอม) พ่อแม่ตัดใจให้เดินทางไปหาหลวงพ่อปาน วัดนางนมโค รักษาให้ชี้ทางให้ ห่อข้าวไป จากชัยนาทถึงอยุธยา หลวงพ่อปานรักษาไม่ได้ ได้แต่กินยาพอประทัง บวชเณรให้ได้จดตัวยา, ว่านต่าง ๆ ให้มา เมื่อบวชแล้วก็หาตัวยา เพื่อทำพระหมอยา มาได้ตัวยางที่หลวงพ่อกวย พร้อมผง มาทำยาชื่อ พระหมอยาไภสัชชะยะคุรุ ถอนคุณผี, คุณคน, กันผีปอบ, กระสือ ถอนคนไข้ที่ป่วยเป็นไข้หัวลม, ผีแอบแฝงอยู่ รวมทั้งโรคกรรม อ.ถมยา ได้มนต์พระกาฬจากหลวงพ่อ และได้พระปรกโพธิ์ 9 ใบ 2-3 องค์ อ.ถมยา ได้ใช้พระปรกโพธิ์ 9 ใบ ทำน้ำมนต์ เรียกว่าโด่งดังมาก ขออย่างไร โดยมากสำเร็จ ครั้งสำคัญ มีอดีต ส.ส. ชื่อบุญธง สรงประภา เป็นคนหันคา จ.ชัยนาท จะสมัคร ส.ส.แต่ได้สืบถามและถามตรง ๆ ว่าจะมีพระองค์ไหน ทำน้ำมนต์รดแล้วจะได้เป็น ส.ส. (ตอนนั้นหลวงพ่อกวย มรณภาพแล้ว) เมื่อคุณบุญธง ถามอย่างนั้น ไม่มีหลวงพ่อ หลวงปู่องค์อื่นรับอาสา คุณบุญธง สืบไปถึง อ.ถมยา อ.ถมยาตอบว่าได้ (พูดแบบหลวงพ่อ) อ.ถมยาได้ใช้น้ำมนต์ 3 บททำและเชิญหลวงพ่อทำ เชิญพระปรกโพธิ์ 9 ใบทำ ผลออกมา ส.ส.บุญธง สรงประภา ได้เป็น ส.ส.ได้บูรณะ วัดท่าแก้ว จนชราภาพ ได้ขอพรกับท่าน เพราะต่างคนต่างชราภาพ อ.ถมยา ได้รดน้ำมนต์ ให้ลูกชายและลูกสาว ของ ส.ส.บุญธง ให้คือ ส.ส.มณเฑียร สรงประภา ลูกสาวชื่ออะไรไม่รู้ เขาชอบใช้ชื่อเล่นหาเสียง เขาชื่อ มันแกว 2 คนพี่น้องนี้ ก็ได้เป็น ส.ส.หลายสมัย มาเลิกเป็น (สมัคร) ชั่วคราว สมัย อดีตนายก พณฯบรรหาญ ศิลปอาชา พระหมอยาและพระคะแนน (ใช้ผงสมเด็จโตและผงหลวงพ่อกวยล้วน) ทำจากผลขาวล้วน เป็นพระคะแนน แต่ใช้แม่พิมพ์ตัวเดียวกัน ขนาดเดียวกัน คุณประเจียด คงศาตรา เคยเขียนถึงพระผงล้วนว่า เป็นพระที่ดีหายาก พี่เขาเรียกว่า “ผงนะห้าทอง” มีเมตตาสูงมาก พระพิมพ์นี้ เสกโดย หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวกการาม, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และหลวงพ่อกวย เสกองค์ละ 5-7 วัน 5-7 คือ เสกที่วัด 3 องค์นี้ เป็นอาจารย์ของ อ.ถมยา แต่ตอนมาเสกไม่ได้ไปเสกพร้อมกัน พระเนื้อหมอยา เก่งทางยา แต่คนไม่รู้ค่า ท่านพูดน้อย ท่านเป็นหมอยา ชาวบ้านเรียกท่านว่า อ.ยา คือกินยาทับถมมาก เรียกเต็ม ๆ ว่า อ.ถมยา ศิษย์ของหลวงพ่อองค์นี้เก่งสุด รองลงมาคือ พระครูพิมพ์ วัดสนามชัย องค์นี้เก่งทางบู้

เรื่องที่ 3
เจ้าของเรื่องเป็นเศรษฐี บ้านอยู่บ้านแค มีฐานะดี ค่อนข้างมาก เดิมมีนาเป็น 100 ไร่ เศรษฐีมีนามา ก็จะมีคนใช้มาก มาช่วยทำนา เศรษฐีได้เลี้ยงเด็กไว้คนหนึ่ง ตั้งแต่เล็ก ตอนเล็ก (ประมาณจบประถม 4) หลวงพ่อป่วยหนัก ได้ให้เด็กคนนี้ (สมมุติว่าชื่อแกละ) มาดูแลหลวงพ่อ เด็กคนนี้เป็นคนปากกล้า คุ้มครองไล่แขกได้ (ไม่ให้มารบกวนนัก) หลวงพ่อได้เมตตาให้พระปรกโพธิ์ 9 ใบมา 1 องค์ เขาใช้อยู่จนโตเป็นหนุ่ม นายแกละ เกิดไปชอบลูกสาวเศรษฐีเข้า เศรษฐีมีลูกสาว 7-8 คนแบบท้าวสามลเลย เมื่อความรักมันหนักอก นายแกละ ขณะไปทำนา เขาได้เสี่ยงสัตย์อธิษฐานว่าจะรักลูกเศรษฐีจนตัวตาย ขออำนาจของพระปรกโพธิ์ 9 ใบ ช่วยเหลือเขาด้วย เขาได้นำพระปรกโพธิ์ไปทำน้ำมนต์ในกระบอกน้ำ โดยเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ว่าหากนางจะเป็นเนื้อคู่กับเขา ขอให้ลูกเศรษฐีรับน้ำมนต์ในกระบอกนี้ดื่มกินด้วยดี เมื่อลูกเศรษฐีมาถึง (กรรมเก่าก็มาพร้อมกัน) เธอได้รับน้ำในกระบอก (น้ำมนต์) มาดื่มกิน กินเสร็จเกิดหน้ามืดตาลาย เห็นกรงจักรเป็นดอกจิก นายแกละ (เคยไว้ผมแกละ) ได้สารภาพรักกับนาง (ลูกเศรษฐี) ได้จูงมือแถมวิ่ง ไปพักอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ของตน เศรษฐีรู้เข้า โกรธมาก ได้ตามหาพร้อมลูกน้อง ตามไปเจอที่บ้านนายแกละ และฉุดตัวลูกสาวกลับ จะเอาเรื่องกับนายแกละให้ถึงที่สุด ความโมโหได้เอาปืนยาวฟาดเอา คอหมาปืนหักเลย และรับตัวลูกสาวกลับบ้าน บังเอิญนายอำเภอมาตรวจท้องที่ เศรษฐีเลยแจ้งความ นายอำเภอได้สอบปากคำ ได้ถามนายแกละว่า เอ็งฉุดลูกสาวเขามาใช่หรือไม่ นายแกละตอบว่าเปล่า เราเต็มใจหนีตามกันมา เพราะฐานะของผมยากจนมาก นายอำเภอได้ถามลูกสาวเศรษฐีว่าเอ็งเต็มใจหนีตามเขามา หรือว่าเขาฉุดเอ็งมา ลูกสาวเศรษฐีตอบว่าเต็มใจหนีตามเขามา เศรษฐีโมโหมาก ได้ยกลูกสาวให้นายแกละฟรี ๆ เลย แต่ให้ไปอยู่บ้านนายแกละ เมื่อลูกสาวเศรษฐีไม่อยู่เศรษฐีก็อดคิดถึงลูกไม่ได้ เวลากินข้าว ก็คิดถึงลูก กลัวลูกจะอด กลางคืนก็นอนไม่หลับ เลยให้คนไปรับตัวลูกสาวกับลูกเขย มาอยู่บ้านเหมือนเดิม นายแกละก็เข้าหน้าพ่อตาไม่ได้ เลยนำพระปรกโพธิ์ 9 ใบ เอาไปทำน้ำมนต์ที่โอ่งน้ำดื่ม (น้ำฝน) ทุกโอ่ง ใครได้กินน้ำมนต์นี้จะได้เมตตาตน อยู่ต่อมาเศรษฐี ก็รักเขยคนนี้ โดยไม่รู้ตัว เจ้าของเรื่องผู้เล่า ไม่ขอเอ่ยชื่อ เขาเขียนแกมบันทึก มาให้อ่าน เรื่องมันก็นานมากแล้ว เดี๋ยวจะหาว่า ผู้เขียนเอาเท็จมาเล่า เดิมบ้านแค มีคนจีน มาจากเมืองจีน เขาขยัน หลายคนสามารถทำโรงสีได้ แต่ก๋งชวดของตระกูลนี้ มาจากเมืองจีน ไว้ผมเปียยาวถึงเอว ได้จับจองที่นา ในนามเย มีมากเป็น 1,000 ไร่ คนช่วยทำนาตก 20 คน เขาเป็นพ่อของพ่อโยมยอด เดชมา โยมยอดมีลูกคนเก่ง คือ คุณหมอเฉลียว เดชมา นายแกละ (เดิมไว้แกละ) เป็นเขยที่เคยเลี้ยงไว้แต่เด็ก จนได้เสียกับลูกสาว ลูกสาวชื่อไต๋ มีลูกชายชื่อ มอส สรุปคือผมเข้าใจเอาเองเศรษฐี คือ คุณหมอเฉลียว (เดิมเป็นหมอโบราญ เหตุการณ์เปลี่ยนไปหมอไปเรียนแพทย์ตีนเปล่า คนเลยเรียกพี่เขาว่า หมอเฉลียว เดชมา เป็นมือขวาฆราวาสของหลวงพ่อ) หมอมีลูกสาว 7-8 คนเท่าท้าวสามล เป็นผู้นำรู้สึกว้าเหว่ พอดีมีคนปากหวานชื่อแป๊ะ ปากช่อง เรียกคุณหมอว่า พ่อ เขาเป็นคนใจถึง มือถึง เสนอชื่อมีดหมอคุณหมอ 4 หมื่น มีดหล่นมือเลย, เสนอให้ราคาตำรายันต์, ตำราสัก, หนังสือตำราหล่นมือเลย ส่วนนายแกละชื่อจริง ๆ ชื่อ นายที

อีกเรื่องเจ้าของเรื่อง คือ หมอเฉลียว เดชมาก เป็นการทดลองวิชาของหลวงพ่อ ว่าพระปรกโพธิ์ 9 ใบนั้น จะมีอิทธิฤทธิ์ขนาดไหน พอจะเป็นที่พึ่ง ที่อาศัยแก่ศิษย์ได้หรือไม่ ได้ขนาดไหน วันหนึ่งคุณหมอเฉลียว เดชมา ต้องคดี และต้องไปศาล มาหาหลวงพ่อแต่เช้าพอสว่าง ได้มาขอยืมสตางค์หลวงพ่อ เพื่อเป็นค่ารถไปศาล จ.ชัยนาท แต่พอไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อกลับพูดว่า ที่ตัวกูไม่มีสักบาทเดียว มึงเอาพระปรกโพธิ์ 9 ใบนี้ไป แล้วท่านก็หยิบพระปรกโพธิ์ที่เลี่ยมพลาสติกเสร็จแล้ว ร้อยสายร่ม เอาไว้ให้หมอเฉลียว หมอเฉลียวหงุดหงิดมาก เดินออกมาถนนใหญ่เจอน้องสาว (คุณน้าสมนึก ภู่งาม) น้องได้ถามว่า พี่จะไปไหน คุณหมอตอบว่าจะไปศาล คุณสมนึก ถามว่า มีสตางค์หรือเปล่า คุณหมอตอบไม่มีสักบาท (เล่นการพันแทบทุกอย่าง) ป้าสมนึกเลยหยิบสตางค์ ค่ารถให้ไป พอดีมีมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านมารู้จักกัน เขาหยุดถามเลยขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปตลาดสรรค์ฟรี ๆ พอขึ้นรถบัส กระเป๋าสตางค์ก็ไม่มาเก็บเงินคือข้ามไป หรือหมอหลับก็ไม่รู้ เมื่อไปที่ศาล คุณหมอเห็นจ่าศาล เรียกโจทย์และจำเลยมาไกล่เกลี่ย โดยแยกกัน หมอเห็นไว ๆ ว่า มีการรับซองขาวกัน พอไกล่เกลี่ยเสร็จ จ่าศาลบอกให้คุณหมอกลับไปได้เลย หมอเดินออกมาไม่ไกล จ่าศาลได้มาหยุดจักรยาน พูดคุยกับคุณหมอ ได้ถามว่าลื้อเด็กใคร หมอไม่พูด แต่จ่าพูดว่า ลื้อรู้เห็นใช่ไหม เรื่องเลื่อนไม่ตัดสิน หมอก็ไม่พูด จ่าศาลเลยควักสตางค์ยัดให้มา ประมาณ 7,000 บาท (เจ็ดพัน) เป็นเงินมากในสมัยนั้น หมอก็งง นับว่าอิทธิฤทธิ์ของพระปรกโพธิ์ 9 ใบนี้มีมากได้ไปเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง พระองค์นั้น แตกลานเป็นจิ๊กซอลเลย ท่านพูดว่าพระของกูอีกหน่อยจะหายาก แทบพลิกแผ่นดินหาแตก ๆ หัก ๆ ก็จะขอแบ่งกันเป็นชิ้น ๆ คุณหมอเห็นว่า ผมมาพัฒนาวัดของหลวงพ่อ คุณหมอได้ให้ผมมา แต่ไม่ได้เล่าประสบการณ์ ผู้เขียนให้เขาไปเฉย ๆ เลย มาบอกทีหลัง ผมละซึมไปเลย คุณหมอเคยให้พระพิมพ์โบราณ กับผู้เขียนไว้ 1 องค์ ถอดจากแม่พิมพ์ของขอม (ตรีกาย) ใหญ่ขนาดฝ่ามือ หลวงพ่อทำไว้ 1-2 องค์ ให้หมอเฉลียวมาใช้ 1 องค์ ไปตามควายกัน หมอมาดักที่กลางทาง นอนสูบบุหรี่อยู่ ผู้ใหญ่แถมคิดว่าเป็นคนร้าย ได้ยิงคุณหมอ 1 ทีไม่ออก หมอให้ผมมา ผมให้คุณศิริชัย ธีรวณิชยกุล ไป พระโตขนาดฝ่ามือ อีกองค์ อาจารย์ตี๋ให้มา เหลือองค์สุดท้าย งานไหว้ครู ท่านเอาพระหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวมาแจก หลวงพ่อขอมให้มา 2 ไห คนขาดความเกรงใจ ทดลองยิงต่อหน้าเลย ยิงที่ต้นสะเดาหน้าวัด คนลองยิงอยู่มา 3 วันก็ตาย ขับรถมอเตอร์ไซค์ชนเสาไฟตาย ผมไปขอ อ.ตี๋ ให้มา องค์สุดท้ายของไหแรก (ไหที่ 2 ฝังไว้บนยอดเขาเขียว) พระโตขนาดฝ่ามือ เนื้อดินหนัก มีคนมาขอเลยให้เขาไปเฉย ๆ

ที่มา: เฒ่า สุพรรณ
(อ.สมจิตต์ เทียนจันทร์)
56 หมู่ 5 บ้านปากน้ำ ต.ปากน้ำ
อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 72120
โทร. 081-943-7368

ไบรท์ สิงห์บุรี

bright singburi

[พื้นที่โฆษณา] ไบรท์ สิงห์บุรี รับเช่า-รับจัดหาพระเครื่อง หลวงพ่อกวย ทันยุค-ย้อนยุคยอดนิยม 098-527-2777

เอสบีฟอนต์

sb-font

จำหน่ายฟอนต์ไทย สไตล์เอสบีฟอนต์ ลิขสิทธิ์การออกแบบโดย Somboon Jaisupa โทร. 094-783-9020

Font was

was font

ฟอนต์วัสโวยวาย จำหน่ายฟอนต์ให้แก่ งานโฆษณาทุกชนิด ทั้ง ป้าย เสื้อสกรีน และ สติกเกอร์ แยกตลาดนางบวช สุพรรณบุรี โทร 082 295 2537