Luang-Por-Guay-article-1

สมเด็จหลังรูป รุ่น 1 พิมพ์นิยม
(สกุ๊ฟพิเศษ) หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร
หลวงพ่อกวย ได้สร้างพระสมเด็จ ด้านหลังมีรูปของท่าน โดยที่เป็นรูปนั้น เป็นเนื้อผงนูนสูงขึ้นมา เป็นรูปของท่าน (บางสำนักก็นำรูปมาแปะติด ก็เรียกว่าสมเด็จหลังรูปเหมือนกัน แต่วันเวลารูปก็จะเสีย จืดจาง) พิมพ์และเนื้อ พิมพ์ที่นิยม และโด่งดังมาก คือ รุ่น 1 พิมพ์นิยม (พิมพ์กลาง) เล็กกว่ามาตรฐานเล็กน้อย พิมพ์นี้เนื้อนี้แพงติดอันดับประเทศ ชนิดที่เรียกว่าคล้องขึ้นคอไม่อายใคร หลวงพ่อสร้างไว้ 4-5 รุ่น จะขออธิบายไว้ดังนี้

1. รุ่นที่ 1 พิมพ์นิยม จะมีส่วนผสมของทรายแม่น้ำเนรัญชรา เป็นทรายขาว เม็ดเล็ก ผสมมากพระหนัก ผสมผง แร่ต่าง ๆ เกศา, พระธาตุ แกะแม่พิมพ์ได้สวย สูตรการทำ หลวงพ่อเคยรับนิมนต์ฉัน ที่โรงงานผลิตกระเบื้อง ไม่ทราบโรงงานแน่ชัด และได้สูตรการทำเซรามิค (กระเบื้อง, ถ้วย) จากบริษัท ไดนาสตี, โสซุโก้, ยูเอ็มไอ 1, 2 ทางบริษัทได้ถวายแร่ต่าง ๆ ที่ใช้ผสมทำกระเบื้อง แร่ดินขาวมีอยู่ที่บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เป็นเรื่องแปลกต่อมา (พ.ศ. 2540) ผู้เขียนได้สัมปทานแร่จากเหมืองนี้ ไปส่งบริษัท 4-5 บริษัท ในสระบุรี ทรายแม่น้ำเนรัญชรา ใช้ผสมสร้างสมเด็จหลังรูปพิมพ์นิยมมากที่สุด แทบจะพิมพ์เดียวก็เป็นได้ พระนี้หนัก แตกหักชำรุดยาก ในด้านที่เป็นรูปก็แกะพิมพ์ได้สวย จึงจัดอันดับ 1 สำหรับ คนมีสตางค์ หลายล้านควรหาไว้ จารึกคาถาด้านบนรูปของหลวงพ่อ คือ “ยา นะ อิ ติ” คือคาถาห้ามอาวุธ ตัวหนังสือตรง

พระพิมพ์นี้ หลวงพ่อพิมพ์ 2 ครั้ง หลังจากครั้งแรกไม่พอแจก พิมพ์ครั้ง 2 ใส่ทรายน้อย แต่ใส่ผงสมเด็จโต, ผงหลวงพ่อ, แร่, พระธาตุ เกศา เหมือน ๆ กัน

พระพิมพ์ แบ่งออกเป็น 2 พิมพ์ พิมพ์นิยมเรียกว่าพิมพ์หน้าหนุ่มส่วนพิมพ์รองนิยม เป็นพิมพ์หน้าแก่ ขนาดเดียวกัน แกะแม่พิมพ์ รูปของท่านไม่สวยนัก พบน้อยมาก อาจดูไม่สวย เลยทำน้อย คนชื่อแดง โพธิ์ทอง บ้านอยู่เดิมบาง ได้ทำบุญมากับอาจารย์ถนอม 20 บาท ปัจจุบันพระอยู่กับคนบัญฑิต เก่งทอง (ฑิต ท่ายาง) เพชรบุรี

พระสร้างประมาณ พ.ศ. 2500-2510 ในการสร้างพร้อมกันนี้ หลวงพ่อสร้างพิมพ์ใหญ่ด้วย แต่นายช่างได้แกะแม่พิมพ์ตกหล่น ด้านที่เป็นรูปท่านช่างแกะแม่พิมพ์แกะตกตัวคาถา ยา นะ อิ ติ คือ ไม่มีคาถา พระนี้สร้างพร้อมกันแต่ใส่ทรายน้อย พระมี 2-3 สี (น้ำตาล, เปือกไข่ผสมสีดอกมะลิ (รุ่น 1 นิยมก็สีนี้ มีน้ำมันตัวอิ้วผสมเล็กน้อย))

1.1 นอกจาก 3 พิมพ์ที่กล่าวข้างต้น หลวงพ่อยังทำ ชนิดรูปท่านเฉย ๆ ด้านที่เป็นสมเด็จไม่มี แกะพิมพ์ไม่สวย
พระสมเด็จหลังรูปนี้ นายช่างได้ทดลองพิมพ์ โดยใช้ดินน้ำมันกดให้ดู 2 องค์ กดให้ดูเฉพาะด้านที่เป็นรูปของท่าน กรรมการวัดได้นำมาโชว์ ที่ตู้พิพิธภัณฑ์ไว้ให้ศิษย์ดู เพื่อใครชอบจะได้ถามไถ่ และขอทำบุญ ตู้พิพิธภัณฑ์ของท่าน กว้างยาวเท่า ๆ โต๊ะ เขียนหนังสือ เคยนำหนุมานลอยองค์รุ่น 1 และรุ่นเดียว มาตั้งโชว์ 2-3 องค์ นอกนั้นหลวงพ่อจะใส่มีด, พร้า, คฑา, หวายเสก, ตะพรต, กระดูผีสด, แร่, มีดหมอใช้แล้ว, แซ่ม้า, ตะขอช้าง, ว่านยา รักษาโรค, ไม้เท้าเพชรกลับ, ไม้เท้าตีสุนัข (ระดมเรียกศิษย์), นางกวักบูชา 1 องค์ แร่ใส่ไหเอาไว้, พระหินแกะนั่ง, ยืน แกะแบบง่าย ตก 20 องค์ หินทำน้ำมนต์ เขาสารพัดดี, หวายตีผี, ตะพรตไม้เท้าเพชรกลับฯ

2. สมเด็จหลังรูป ครั้งที่ 2 ทำจากเนื้อปรกโพธิ์ แต่ทำเฉพาะพิมพ์ใหญ่ พระส่วนกลางพบน้อย ร้านทำธูป ได้บูชาไว้ราคาไม่แพง ตอนพระแตกกรุ เช่าไว้ 3 แสน ใส่เป้เต็มเป้เลย เนื้อปรกโพธิ์นี้, ยังนำมากด ในพิมพ์วัดชิโนรส, สมเด็จหลังมะอะอุ เนื้อที่คล้ายกัน คือ ปรกโพธิ์เล็ก (แต่ปรกโพธิ์เล็ก ผสมดีสัตว์ พระเลยออกมาฟู ๆ) สร้าง พ.ศ. 2513

3. พระสมเด็จหลังรูป ครั้งที่ 3 สร้าง พ.ศ. 2515 สั่งทำโดยคุณหมอเฉลียว เดชมา สั่งทำ หลวงพ่อป่วย ได้มาพักบ้านญาติที่วัดหนองอีดุก หมอเฉลียว เกรงหลวงพ่อจะมรณภาพ ได้ขออนุญาตสร้างพระ มีหลังรูปพิมพ์ใหญ่ กับปรกโพธิ์ 9 ใบ เนื้อสีเหลืองและสร้าง พิมพ์ต่าง ๆ เช่น มะ อะ อุ, ปรกโพธิ์เล็ก, อกใหญ่หลังยันต์ฯ พระสร้างมากพอสมควร ออกปี 2515 ศิษย์ไม่ชอบเห็นว่าอ่อนมวลสาร เอามือลูบหน้าตาพระของท่าน ท่านเลยสั่งเก็บหมดเลย ไม่ยอมจำหน่าย พระชุดนี้สีน้ำตาลแห้ง เมื่อแตกกรุศิษย์เก็บหมดเลย ไม่ย้อนกลับมาเลย

4. สมเด็จหลังรูป ครั้งที่ 4 เป็นสมเด็จพิมพ์ที่เรียกว่า เนื้อกระดูกผี เป็นพิมพ์ใหญ่ เนื้อในแกร่งแป้งสีขาว แต่ใช้แป้งเปียก (กาว) ทาผสมแป้ง เป็นตัวเผื่อลองพิมพ์ เมื่อเนื้อเก่าคราบแป้งก็จะแห้ง ไม่สวยเลย ต่อมาหลวงพ่อได้ใช้แต่แป้ง รองพิมพ์ตอนหลัง ๆ แต่พระก็หดตัว มีผงสีดำของโคตรเหล็กไหล เป็นละอองเล็กน้อย พระถ้าแห้งได้ขนาดจะดูง่าย ราคาแพงเป็นที่ 2 (จากพิมพ์นิยม) ตอนหลวงพ่อพิมพ์พระตอนเย็น (4-5 โมงเย็น) ตำผงสรงน้ำ 3-4 โมง พิมพ์พระ5-6 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม พิมพ์เสร็จ เสกก่อนเลยทุกวัน ทำได้วันละ 1 ลูกมะพร้าวน้ำหอมรวมเปลือกด้วย (น้ำหอมขนาดใหญ่) ตอนตำผง, พระช่วยตำ, หมอเฉลียวช่วยตำ, หลวงพ่อใส่มวลสารเอง แต่ตอนพิมพ์พระท่าน พิมพ์เองในกุฏิ ตอนเช้าฉันเช้าแล้ว (9-10 โมงเช้า) ท่านนำกระดูกผีสด ไม่ได้เผา เป็นกระดูกเชิงกรานของผีโบราณ ขนาดใหญ่มาก มาขูดเอาผงกระดูก ด้านในเชิงกราน ใช้ช้อนขูด, กระดูกมีมาก วันหนึ่ง ๆ ขูดได้เป็นกระป๋องโอวัลติน เมื่อผู้เขียนถามว่าเป็นกระดูกของใคร ท่านพูดว่า เป็นกระดูผีผู้หญิง ตายทั้งกลม ไม่ไปเกิด เลยไปโปรดเขา ให้ไปเกิด ขอกระดูกเขามา เขาเป็นห่วงกระดูก ยึดติดอยู่ ขุดมาจากวัดสระเปรียญ (วัด อ.เย็น) ขุดตอนเป็นป่าช้า กระดูกอีมะลิ กูก็ขอมันมา มันก็ตายท้องกลม ใช้ได้เฉพาะผู้หญิงตายท้องกลม ตอนนั้นหลวงพ่อทำพระสมเด็จหลังรูปรุ่นกระดูกผีอยู่ ถามไปถามมาท่านก็รับว่า นำไปผสมทำ ท่านเคยพูดว่า ถ้ากำลังจิตของเราเริ่มอ่อน (แก่ชรา, ป่วย, ขันธ์ 5 รบกวนมากไป) ถ้าจะเสกพระให้ขลังให้ขึ้นท่าน พูดว่า ให้เรียกวิญญาณผีตายโหง เข้าช่วย (พระพิมพ์นี้ เดิมผู้เขียน ทำหนังสือปกแดง ความรีบ ไม่มีเวลาแก้ไขข้อมูลไม่พอ ได้เขียนไว้ว่า รุ่น 1 คือ รุ่นพิมพ์นิยม, รุ่น 2 คือ รุ่นผงผี กราบขอโทษด้วย (แก้ไขดีกว่าแก้ตัว แต่มันก็คล้าย ๆ กัน) ส่วนฟัน ที่เคยลงไว้ พบ 2 องค์ (จริง ๆ 12 ซี่ ผู้เขียนรวมไว้ ผู้เขียนเคยคล้องฟัน แบบองคุลีมารเลยเคยไปกราบหลวงปู่ธีร์ ลำปลายมาศ บุรีรัมย์ ท่านทักว่าไอ้องคุลีมารน้อย ผู้เขียนเคยมีของหลวงพ่อเดิม หนองโพธิ์, หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์, หลวงพ่อโม วัดจันทนาราม, หลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาว, หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง, หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเลก็เคยมี เดี๋ยวนี้ไม่เหลือแล้ว (หลวงพ่อปากคลองก็เคยมี ไม้เท้ายังเคยมี) ในการสร้างครั้ง 4 กระดูผีนี้ หลวงพ่อสร้างแบบหลังเรียบ แบบสมเด็จทั่วไปด้วยและสร้างสมเด็จที่มีแต่รูปของท่าน

5. สมเด็จหลังรูป ครึ่งองค์ ครั้งที่ 5 ในงานฝังลูกนิมิต กรรมการวัดและหลวงพ่อ ได้สั่งทำพระสมเด็จพิมพ์ต่าง ๆ ขึ้น เพราะวัตถุมงคลของเก่าหลวงพ่อจำหน่ายถูก คงไม่พอสร้างโบสถ์ให้เสร็จ และสร้างศาลาด้วย กรรมการวัด จึงสั่งทำสมเด็จ แบบต่าง ๆ ดังนี้ พ.ศ. 2521

5.1 สมเด็จหลังรูปครึ่งองค์ รูปด้านหลังเป็นกรอบกระจก ปรากฏว่า สมเด็จหลังรูปนี้ ได้รับความนิยม มีอภินิหารย์มากมาย

5.2 ได้สั่งทำ สมเด็จขี่สิงห์ หลังสิงห์ แตกลายงา, สมเด็จสีดำ หลังตัวหนังสือ, สมเด็จสีชานหมาก หลังตัวหนังสือพระ ข้อ 5.2 มีปลอมดูยาก เพราะใช้คอมพิวเตอร์แกะแม่พิมพ์ (ดำและแดง) ทำเหมือน

ข้อสังเกตและพิจารณา อ่านข้อเขียนของผู้เขียนแล้ว ลองพิจารณาดูว่า สมเด็จ 3 แบบนี้ ใครคือ มือวางอันดับ 1 แหวกม่านขนาดพอเหมาะทำก่อน ตัดกรรมได้ (อกใหญ่ พูดตอนทำอกใหญ่, ปรกโพธิ์ 9 ใบ แก้สถานการณ์ได้ ภายใน 5 วินาที 5-10 นาที อยู่ที่ไหนก็จะร่มเย็น) เพราะร่มโพธิ์เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้า (พุทธะ) ทรงตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ตอนตรัสรู้ นางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาส ขอตั้งชื่อและเรียกว่าต้นโพธิ์ และขอเรียกพระองค์ว่า พุทธะ เพื่อความสมบูรณ์ของสมเด็จหลังรูป จะขอนำอภินิหารย์ และที่มาที่ไปของสมเด็จหลังรูป เรื่องเก่า ๆ มาลงให้อีกที ส่วนอภินิหารย์สมเด็จหลังรูปของผู้เขียนเคยใช้อยู่ 20 ปี (รับราชการครู โรงเรียนวัดท่าทอง อยู่ห่างบ้าน 3 กิโลเมตรอยู่กับอาจารย์ผ่อง ศิษย์ของหลวงพ่อเก่งทางหมอดู ครอบให้ (หลวงพ่อ) เก่งสุดในทางหมอดู หลวงพ่อได้ให้โอวาทผม (เป็นครู), โอวาททหาร, ตำรวจ (เคยได้ยิน) จะเล่าไว้ตอนท้าย ส่วนผู้เขียนอยู่ทำงาน 20 ปี อยากตั้งชื่อตัวเองว่า ไอ้สมเพท, หรือไอ้ทุเรศ แต่สุดท้ายเมื่อได้ธรรมของอาจารย์ชา วัดหนองป่าพง พวกเขา, เพื่อน, ผู้บังคับบัญชา คือ คนที่มีบุญคุณ เขาตีเหล็กธรรมดา ให้ผู้เขียนเป็นเหล็กกล้า ยิ่งเบียดบังเท่าไร จิตใจของผู้เขียนยิ่งแกร่งเท่านั้น จะขอเล่าเรื่องเก่านะ เอาเรื่องใหม่ไว้ตอนท้าย

อภินิหารย์ตอนที่ 1 (ตอนตำนานพระสมเด็จวัดโฆสิตาราม)

ต่อไปจะกล่าวถึงกรรมวิธีสร้างพระพุทธรูปแบบที่เรียกว่าสมเด็จ พระสมเด็จนี้หมายถึงพระเครื่องที่มีรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สร้างตามแบบของพระสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆังโฆสิตาราม ผู้ยิ่งยง วิธีการสร้างพระสมเด็จนี้หมอเฉลียว เดชมา ศิษย์ใกล้ชิดเป็นผู้เล่าไว้ สำหรับหมอเฉลียวนี้บางคนอาจจะสงสัยว่าหมอเฉลียวกับผมใครใกล้ชิดหลวงพ่อมากกว่ากัน อันนี้ขอให้เข้าใจด้วยว่าหมอเฉลียวเขาใกล้ชิดกว่าผม ถ้าเทียบกัน ผมเป็นเพียงศิษย์หางแถวเท่านั้น คำว่าผมต่อไปนี้หมายถึงหมอเฉลียว เดชมา

พระสมเด็จของหลวงพ่อเป็นพระที่ทำได้ยากมาก เพราะพระของหลวงพ่อ หลวงพ่อต้องทำเองไม่ได้จ้างใครทำมาส่งให้ ส่วนผสมที่เป็นผงวิเศษนี้ เป็นผงวิเศษจริง ๆ ไม่ใช่ผงปูนพลาสเตอร์หรือปูนขาว หลวงพ่อต้องใช้กระดานชนวนสมัยโบราณมาลงอักขระเรียกสูตรอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ แล้วลบผงปลุกเสกอีกทีหนึ่ง เรียกว่าผงอิทธิเจ, ผมมหาราช, ผงปถมัง, ผงนะร้อยแปดฯ เป็นต้น แม้ดินสอที่ใช้เขียนลบผง หลวงพ่อยังปั้นเอง ด้วยดินสอพอง ผสมว่า 108, เกสร 108, ดินต่าง ๆ อีก ปั้นตากแดดปลุกเสกเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้ผงมากแล้วก็นำมาผสมกับว่าน 108 ข้าวตอกพระร่วง, แร่อาถรรพณ์ แม้แต่อาหารในปากของท่าน ถ้าท่านฉันอาหารมีรสอร่อย หลวงพ่อจะคายออกจากปาก แล้วตากแดดเอาไว้ ผงทำพระนอกจากผงทั่ว ๆ ไปแล้ว หลวงพ่อยังใช้ไม้ตีระฆัง ชื่อไม้คันทรงเอามาบดทำผง หลวงพ่อบอกว่าเอามาทำสมเด็จจะค้าขายดี เป็นเคล็ดลับของหลวงพ่อ นอกจากผงของหลวงพ่อแล้วยังมีผงวิเศษของครูบาอาจารย์ของท่าน และที่สำคัญคือ ผงวิเศษของสมเด็จพุฒาจารย์โตผสมอยู่ด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คือประมาณ พ.ศ. 2477 พี่ชายผมได้มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ได้พักที่วัดระฆังโฆษิตาราม พี่ชายเล่าว่าปีนั้นมีพระจำพรรษามาก พระเลยให้เด็กวัดไปนอนที่กุฏิเก่ารกรุงรัง ที่กุฏิเก่านี้ปกติไม่มีใครเข้าไปอยู่ เขาว่าผีดุเป็นที่เก็บโลงศพ ตู้เก่า, ใบลานเก่า, สมุดข่อยเก่า ๆ ของวัด ที่ตู้โบราณหลังหนึ่ง พี่ชายผมได้เจอผงวิเศษพร้อมผ้ายันต์และตำรายันต์เก่าของสมเด็จโต ที่สำคัญคือ มีสมเด็จวัดระฆังที่ท่านทำแล้วปนอยู่ 10 กว่าองค์ สมัยนั้นพระสมเด็จของสมเด็จโตก็ไม่ดังอะไร ราคาก็ไม่แพง ภายหลังยังเปิดกรุที่วัดบางขุนพรหมอีกประมาณ พ.ศ. 2500 กว่า ๆ พระมีมาก เมื่อพระรู้เรื่องที่พี่ชายผมได้พระสมเด็จโตก็มาขอเอาไปบ้าง เหลืออยู่แต่ที่ติดตัวกับได้ถวายหลวงพ่อกวยเอาไว้ ส่วนผงได้ถวายหลวงพ่อกวยจนหมด ผงมีมาก 1 ห่อใหญ่ พระสมเด็จที่เหลือที่พี่ชายผมนี้ ภายหลังมีคนมาให้ราคาเป็นแสนบาท หลวงพ่อได้นำผงวิเศษของท่านผสมกับผงของสมเด็จโตทุกพิมพ์และทุกรุ่นเมื่อได้ผงได้ว่านได้เกสรแร่ดี ๆ แล้วเอามารวมกันทำพระสมเด็จ บางทีมีหนูมากินผงของท่าน หนูยังแทงไม่เข้า ตอนกลางคืนถ้าไม่ปิดให้ดี จะมีค้างคาวมารุมกินผงของท่าน เมื่อหลวงพ่อว่างก็พิมพ์พระ พอลงมือโขลกผสมผงเกิดอัศจรรย์ ลูกศิษย์จะมารอหน้ากุฏิเต็มไปหมด ถ้าไม่ทำก็ไม่มาเท่าไร เพราะขณะหลวงพ่อโขลกผงหลวงพ่อจะว่ามนต์ไปด้วย พระก็จะทำลูกศิษย์ก็คอยยุ่งไปหมด ถ้าไม่ทำพระลูกศิษย์ก็ไม่ค่อยมาอัศจรรย์ หลวงพ่อถึงกับเอ่ยปากชมว่า “ผงสมเด็จโตนี่ก็แน่เหมือนกันน๊ะ โขลกผสมผงไม่ได้เลย ลูกศิษย์คอยจะมาเมตตา, โชคลาภดีแท้ ๆ แต่กูซิชักจะรำคาญแล้ว ไม่เป็นอันทำ อะไรยิ่งยุ่งก็ยิ่งมา” หลวงพ่อจะเลือกวันพิมพ์พระ เลือกเวลาด้วย เช่น ยามกากะบาตหลวงพ่อ จะไม่ทำพระเด็ดขาด ต้องเลือกทำยาม 4 ศูนย์ยามปลอดศูนย์ เป็นต้น ทีนี้หลวงพ่อปิดกุฏิทำพระ แขกก็มารอบางคนก็หาว่าหลวงพ่อพบยาก แถมหมาคอยจะกัดอีก เรื่องหมาของหลวงพ่อ มันไม่กัดใครจริง ๆ เลย มันกัดขู่ ๆ แต่กางเกงขาด จริง ๆ แล้ว หลวงพ่อท่านลงอาคมเย็บปากมันไว้ มันอ้าปากกัดใครแทบไม่ได้เลย ได้แต่ขู่ ๆ เท่านั้น

การทำพระลงพิมพ์ของหลวงพ่อจะผสมเนื้อในวันเดียวกันเนื้อหนึ่ง อ่อนแก่ต่างกันกะ ๆ เอา แล้วกดพิมพ์ลงในแม่พิมพ์ประมาณสอง-สามพิมพ์ ฉะนั้นบางครั้งจะพบพระคนละพิมพ์แต่เนื้อเดียวกัน หรือ พิมพ์เดียวกัน แต่คนละเนื้อเป็นต้น อันนี้ต้องดูให้เป็นจริง ๆ แต่ถ้าเคยเห็นก็ดูได้ พระของหลวงพ่อทำได้ยาก ท่านไม่ต้องการให้เอาออกจำหน่ายแค่แลกกับเงิน 10-20 บาท แต่ท่านอยากให้คนที่มีความทุกข์ร้อน เพราะค่าของพระท่านนั้นมีมาก หลวงพ่อจึงแจกให้คนมีทุกข์ร้อน กับคนที่อยากได้คือขอท่านนั่นเอง ท่านบอกท่านไม่อยากแจกให้คนที่ไม่ขอไม่อยากได้ ท่านว่าเดี๋ยวมันเอาไปทิ้งกันหมด มันนึกว่าตุ๊กตา ท่านว่าคนไม่รู้ค่าก็เหมือนไก่ที่ไม่รู้จักพลอย แต่ผมพูดกับท่านว่าไม่ใช่ไก่น๊ะ หลวงพ่อเลยพูดว่า “มึงเก็บไว้เถอะดี เก็บไว้เยอะ ๆ เมื่อกูตายไปแล้วจะหาพระที่ทำผงเอง พิมพ์พระเองแบบกูนี้ จะหาแทบไม่มีอีกแล้ว พระกูในวันหน้าจะหายากและแพงมาก แล้วมึงคอยดูก็แล้วกัน”

ขณะที่ผมเขียนวิธีทำพระสมเด็จของหลวงพ่อให้คุณเฒ่านี้ ก็พอดีมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาหาผม ชื่อ สำรวย ข้องหลิม พาคนมาหาผม มาถามผมว่ารู้จักหลวงพ่อกวยบ้างไหม ผมก็บอกรู้จัก เขาเลยลงรถและแนะนำตัวเองว่า ชื่อ ฉลวย นพรัตน์ บ้านอยู่มหาชัย อยากมาหาหลวงพ่อกวย คือ ผมกำลังมีปัญหาเรื่องคดีที่ดินมาหลายปีแล้ว เป็นความจนเงินหมด มีหนี้สินรุงรัง แก้ปัญหาไม่ได้ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้บอกเล่าพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกว่า ถ้าพระพุทธมีจริง พระธรรมมีจริง พระสงฆ์มีจริง ขอให้เขาได้พบกับพระที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะช่วยเขาได้ด้วยเทอญ ก็พอดีตกกลางคืนฝันว่า มีพระแก่ ๆ ผอม ๆ ผิวขาวเหลืองไปบอกว่าชื่อ หลวงพ่อกวย อยู่วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ไปบอกให้ผมไปเช่าสมเด็จหรือเหรียญก็ได้ของท่านมาบูชาจึงจะช่วยได้ หรือถ้าได้สมเด็จที่มีรูปท่านอยู่ข้างหลังก็ยิ่งดี ผมจึงสืบเสาะหามาจนถึงที่นี่ แต่เงินผมไม่ค่อยมี คือมัวแต่เอาไปตีเป็นเลขหวยซะ แต่ยังดีที่ถูกบ้างและใช้เงินตามหาหลวงพ่อจนเงินจะหมดอยู่แล้ว ผม (หมอเฉลียว) นึกสงสารเลยให้พระของหลวงพ่อเท่าที่ผมพอจะมีอยู่นายฉลวยดีใจมาก พูดว่า ความเรื่องที่ดินคงจะสำเร็จแน่ เพราะผมฝันแปลกดี เพราะมหาชัยกับชัยนาทไกลกันมากแล้วหลวงพ่อไปเข้าฝันเขาได้อย่างไร ผมก็แปลกใจ วันอื่น ๆ ก็ไม่มา มาในวันที่ผมเขียนเรื่องให้คุณเฒ่า อยู่พอดี
พอดีหมอเฉลียว ได้เล่าเรื่องการสร้างพระสมเด็จไว้ ก็ขอเล่าเรื่องอภินิหารย์ของสมเด็จพิมพ์หลังรูปเอาไว้สัก 1 เรื่อง เรื่องพระเครื่องนี้เป็นเรื่องของจิตใจและการผูกพัน ถ้ามีอยู่แล้วไม่ได้บูชาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเหมือนอิฐ เหมือนกระเบื้องอย่างนั้นคล้ายกัน ถ้าบูชาระลึกถึงบ่อย ๆ จึงจะดี เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ต.พักทัน เจ้าของเรื่องชื่อสนิท เป็นคนจร แต่นิสัยดี มีอาชีพจำหน่ายพระของสำนักพุทธประทีป บังเอิญวันนั้นได้เดินเร่มาจำหน่ายพระที่บ้านนายอู๋ หมู่ 1 ต.พักทัน เห็นนายอู๋นอนซมอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน มีแผลเต็มไปหมดตัว ขาดการเอาใจใส่ ดูเนื้อตัวก็เปรอะเปื้อนขมุกขมอมน่าเวทนา นายสนิทก็ถามว่าเป็นอะไรไป เมียนายอู๋ก็ตอบว่าก็เมาน่ะซิ นอนหลับหนาว ๆ เอาผ้าห่ม ห่มก่อกองไฟให้อุ่น ไฟไหม้ผ้าไม่ยอมตื่น เดชะบุญไม่ตาย คือ ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว พอดีนายสนิทเหลือบเห็น เด็ก ๆ ลูกของนายอู๋ 2-3 คน เอาปอกล้วยมาลากพระเล่นอยู่ที่ลานบ้าน เป็นพระสมเด็จมีลวดถักไว้ นายสนิทเห็นเข้าก็ทุเรศทุรัง คิดในใจว่าบ้านนี้ทำไมเอาพระมาให้เด็ก ๆ ลากเล่น หรือเพราะนายอู่ทำอย่างนี้จึงไม่เจริญ ไฟจึงไหม้เอา มองดูสภาพบ้านน่าสังเวช ก็เลยไปหยิบพระที่เด็ก ๆ ลากเล่นกันเอามาดู ปรากฏว่าเป็นสมเด็จ ด้านหลังมีรูปเขียนว่าหลวงพ่อกวย เมื่อนายสนิทเห็นพระก็นึกชอบขึ้นมา จึงได้ขอเช่าจากเมียนายอู๋ เมียนายอู่บอกว่าเอาซิเหล้าขวดเดียว นานสนิทเลยควักสตางค์ให้ไป 150 บาท บอกว่าจะได้เหลือเป็นค่ารักษานายอู๋ และได้ถามทางมาวัดของหลวงพ่อกวย ระหว่างทางก็หยิบพระมาพิจารณาดูเห็นรูปด้านหลังของหลวงพ่อกวยมีรายถลอกปอกเปิก เกิดตื้นตันใจสงสารหลวงพ่อจนน้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่นายสนิทไม่เคยรู้จักหลวงพ่อกวยมาก่อนเลย

เมื่อนายสนิทมาถึงวัดได้เอาพระให้หลวงพ่อดู พร้อมทั้งเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อได้พูดว่าพระที่วัดนี้เอง เอาไปเก็บไว้บูชาเถิดดี จะร่ำรวย เมื่อหลวงพ่อพูดอย่างนั้น นายสนิทก็ดีใจไปตลาดซื้อหวย 4 ใบ ถูกรางวัลที่ 5 หนึ่งใบ เลขท้าย ๒ ตัวอีก ๓ ใบ คือถูกทั้ง 4 ใบเลย เมื่อถูกหวยนายสนิทได้เดินทางมากราบหลวงพ่อ ขอเช่าบูชาเฉพาะสมเด็จหลังรูปอย่างเดียว เช่าไปหลายสิบองค์ และเดินทางไปเยี่ยมนายอู๋กับเมีย ที่บ้าน หมู่ 1 ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ปรากฏว่านายอู๋ตายแล้ว เมียนายอู๋เล่าว่า วันนั้นเมื่อได้เงินแล้วก็ไปซื้อเหล้ามากินกันหลายชวดกับนายอู๋ ๒ คน (เหล้าสมัยก่อนขายขวดละสิบกว่าบาทเท่านั้น) ปรากฏว่าคืนนั้นนายอู๋ก็สิ้นใจตาย เมียก็ไม่รู้เพราะเมา ส่วนนายสนิทเมื่อบูชาพระของหลวงพ่อกวย ก็มีแต่ความสุขความเจริญ ไม่ได้เป็นลูกจ้างเขาอีก หนี้สินก็ใช้หนี้ เขาหมด หวยก็ถูกบ่อย ได้เดินทางมากราบหลวงพ่อเป็นประจำอยู่เสมอ ครั้งหลังได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า แต่เดิมตัวเองติดการพนัน เหล้าและบุหรี่ แต่เมื่อมาบูชาพระสมเด็จของหลวงพ่อติดตัว ภายหลังเลิกได้หมดเลิกได้เอง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลิกได้ตั้งแต่เมื่อไร มานึกได้อีกที ก็ตอนที่เลิกได้แล้วนี่เอง นับว่าบารมีของสมเด็จหลวงพ่อนี้ดีแท้ ๆ

เรื่องนี้ก็เล่าให้ฟัง ความจริงเรื่องอภินิหารของสมเด็จหลังรูปนี้ยังมีอีกมากกว่านี้ และเหนือกว่านี้อีก โอกาสหน้าจะเล่าให้ฟัง ก็ขอขอบคุณ หมอเฉลียว เดชมา ที่เล่าให้ฟังเรื่องวิธีสร้างพระผงของหลวงพ่อ
ปล.ปัจจุบันสมเด็จหลังรูปนี้มีปลอมทำได้คล้ายคลึง “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”

อภินหารย์ตอนที่ 2 (สมเด็กหลังรูป ตอน บูชาไว้ก็รวยได้)

หลวงพ่อสร้างพระพิมพ์สมเด็จไว้หลายแบบ ได้รับความนิยมจากศิษย์ทุกแบบ เพราะหลวงพ่อทำเอง เล่ากันว่าสมเด็จรุ่นแรก คือรุ่นแหวกม่าน และใน พ.ศ. 2513 หลวงพ่อสร้างรุ่นปรกโพธิ์ 9 ใบ ส่วนสมเด็จหลังรูปรุ่น 1 สร้างประมาณ พ.ศ. 2500 ส่วนรุ่น 2 สร้าง พ.ศ. 2513 ชนิดที่เป็นรูปท่านไม่มีสมเด็จก็สร้างประมาณ พ.ศ. 2517 นี้ นอกจากนั้นก็เป็นสมเด็จหลังเรียบพิมพ์ฐานผ้าทิพย์, พิมพ์พุทธกวัก สมเด็จหลังเรียบนี้มีหลายแบบ บางแบบก็ยืนยันไม่ได้ สมเด็จที่มีความนิยมสูงสุดนั้นคือ แหวกม่าน รองลงมาก็สมเด็จหลังรูปรุ่นแรกและปรกโพธิ์ 9 ใบ ปี 2513 สมเด็จรุ่นหลังรูปรุ่น 3 สร้าง พ.ศ. 2515 และรุ่น 4 สร้าง พ.ศ. 2516, 17, 18 (รุ่น 4 คือรุ่นกระดูกผี)

ในปีที่ท่านสร้างสมเด็จหลังรูปรุ่น 4 นั้น ผมได้นำว่านหลายชนิดที่ปลูกเองรดด้วยน้ำอาคม เช่น ว่านหนังแห้ง, กระชายดำ, ไพรดำ, หอกหัก, สบู่เลือก, มหาเมฆ นำเอาไปถวายท่านเพื่อทำพระ ว่านเป็นลังใหญ่ ๆ บางส่วนผมได้ตำเป็นผงล่อนเสร็จเอาไปถวายท่าน คือสมัยนั้นผมเป็นคนยากจน คนเราจนแล้วให้จนแต่ตัวอย่าจนน้ำใจ ผมคิดอย่างนั้น เมื่อท่านเห็นว่านเข้า ท่านดีใจยกเข้ากุฏิเลย ท่านบอกว่าว่านมหาเมฆนี้ดี ถ้าปลุกเสกให้ดีจะ กำบังได้ ภายหลังผมยังเก็บมะขามป้อมไปถวายท่าน เห็นท่านดองถวายพระ ผมก็ดีใจเก็บไปถวายประจำ รู้สึกท่านตื้นตันตันใจกว่าการถวายเงินมาก คือ เคยถวายเงินท่านเห็นท่านเฉย ๆ
สมเด็จรุ่น 4 ที่ว่าไม่สวยนี้ ปัจจุบันขนาดไม่ค่อยนิยมเท่าไร แต่ราคาเช่าหาเดี๋ยวนี้แพงมากเลย เพราะ คนที่นำไปใช้ มีโชคลาภดี ทำกินร่ำรวย เมตตากำบังดี แคล้วคลาดดี จะเป็นเพราะว่านมหาเมฆหรือเปล่าไม่แน่ชัด เพราะปีนั้นผมเห็นท่านเอาช้อนมาขูดกระดูกผีโบราณเอาไปผสมพระ แต่จะเป็นรุ่นนี้หรือเปล่าไม่แน่ชัด เพราะหลัง จากนั้นหลวงพ่อก็ไม่ได้พิมพ์พระอีกเลย เพราะมือท่านไม่มีกำลัง เรื่องผงผีนี้ผมไม่ยืนยันว่า ท่านจะใช้ผสมหรือเปล่า คือผมไม่กล้าถาม ท่านได้แต่พูดว่า ใช้ว่านผมผสมทำ แต่ผมไม่เคยเห็นตอนที่ท่านทำเลย

สำหรับอภินิหารสมเด็จหลังรูปรุ่น 4 นี้มีอภินิหารเล่าขานมากมายไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เช่นกัน จะขอบันทึก เอาไว้เล่าให้ฟังดังนี้

มีศิษย์ของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อบุญยัง บ้านอยู่สิงห์บุรี เคยมากราบหลวงพ่อตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ๆ เคยได้ พระของหลวงพ่อไปหลายแบบ เมื่อมีภรรยาก็ไปประกอบอาชีพบ้านภรรยา ที่จังหวัดนครสวรรค์ อาชีพค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นครอบครัวที่ยากจน ประกอบอาชีพมาหลายปี มีแต่พอกับไม่พอเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น ภายหลังอดอยากแล้งแค้นมีหนี้สินรุงรังกลุ้มอกกลุ้มใจไม่รู้จะทำอย่างไร เที่ยวได้ไปหาหลวงพ่อองค์นั้นองค์นี้ รดน้ำมนต์ก็ไม่มีผลอะไร อยู่มาวันหนึ่งได้ระลึกถึงหลวงพ่อกวยได้ แต่หลวงพ่อก็มามรณภาพเสียแล้ว จำได้ว่าเคยมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อ หลายอย่างจะลอง ๆ เอามาทำน้ำมนต์และอาราธนาติดตัว แต่เมื่อค้นดูปรากฏว่าไม่มีเลย ได้เอาให้พวกหมู่ไปจนหมด เพราะไม่ได้สนใจมานาน เมื่อไม่มีอะไรก็เลยจุดธูปขอพรต่อท่าน พอวันรุ่งขึ้นภรรยาได้เจอพระสมเด็จองค์หนึ่ง ด้านหลังมีรูปเขียนว่าหลวงพ่อกวย จึงถามสามีว่าใช่พระองค์นี้หรือไม่ นายบุญยังพอเห็นเข้าก็ดีใจจนน้ำตาไหล นึกไม่ถึงว่าพระนี้มาอยู่ได้อย่างไร ชะรอยหลวงพ่อคงจะไม่ทอดทิ้งตนเป็นแน่ พอตกกลางคืนก็เอาพระสมเด็จหลังรูป ใส่พานหาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา สวดมนต์ขอพรต่อหลวงพ่อทุกคืน ลูกเมียก็หัดให้กราบพระสวดมนต์ทุกคืน ได้ อธิษฐานว่า “ขอให้หลวงพ่อช่วยดลจิตดลใจให้ข้าเจ้านี้เกิดสติปัญญา ทำมาค้าขายให้ร่ำรวย ใช้หนี้ใช้สินเขาให้หมด ด้วยสาธุ” ประมาณเดือนเศษการค้าขายเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ พอมีเงินติดตัวเล็กน้อย พอดีเพื่อนฝูงมาชวนไปทัศนาจรที่ พัทยา นายบุญยังกับภรรยาปกติก็ไม่อยากไป แต่มานึกดูอีกทีอยากจะหาทำเลค้าขายใหม่ จึงได้ตกลงไปดู เมื่อไป ก็มองหาแต่ช่องทางทำมาหากินอย่างเดียว เมื่อไปกินก๋วยเตี๋ยวที่พัทยา ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านซึ่งขายก๋วยเตี๋ยวร้าน ไม่โตนัก ได้คุยถึงทำเลว่าขายดีไหม ที่ต้องเช่าเขาหรือเปล่า เหมือนหนึ่งว่าหลวงพ่อจะดลใจ แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวได้พูดคุยด้วยดี ได้พูดคุยว่าที่ไม่ได้เช่าเขาเป็นที่ของตัวเอง เป็นป่าชายเลนซื้อเหมาเขาไว้ของก็ขายดี คุณบุญยังได้พูดคุยว่าอยากจะมาค้าขาย อยู่ด้วยแต่จะไม่ขายก๋วยเตี๋ยวหรอก เดี๋ยวจะว่าเป็นการแย่งลูกค้ากัน แต่จะขายลูกชิ้นปิ้ง, ไส้กรอก จะมาขายอยู่ด้วยได้ไหม แม้ค้าก๋วยเตี๋ยวก็ดีใจหาย บอกให้มาอยู่เถอะจะได้เป็นเพื่อนกัน เมื่อกลับจากพัทยา คุณบุญยังกับภรรยาได้จุดธูปบูชาหลวงพ่อกวยกับสมเด็จหลังรูป ได้บอกเล่าต่อหลวงพ่อว่าจะไปอยู่พัทยาจะดีหรือไม่ คืนนั้นหลับไป ค่อนสว่างได้ฝันเห็นหลวงพ่อมาที่บ้าน หลวงพ่อได้พูดว่า “ไปเถอะดีทางใต้น่ะจะร่ำรวย หรืออาจจะถูกรางวัลที่ ๑ ก็ได้” พอตอนเช้าสองสามีภรรยาจึงได้ตัดสินใจขายของที่มีอยู่พร้อมกระท่อมหลังน้อย คงเหลือแต่หม้อข้าวกับเครื่องนุ่งห่ม เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป้าจากบ้านที่เคย อยู่อาศัย ด้วยเชื่อมั่นในหลวงพ่อ จากมาด้วยน้ำตา มีเงินติดตัว ๒,๐๐๐ บาท เมีย ๑ ลูก ๑ ขอไปตายเอาดาบหน้า ถ้าหลวงพ่อไม่ช่วย นั่งรถโดยสารมุ่งสู่พัทยาไม่บอกให้ใครรู้ เมื่อไปถึงก็อาศัยนอนกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว รุ่งเช้าก็ก่อเพิงปลูกร้านอาศัยใบจาก แล้วเปิดร้านขายลูกชิ้นปิ้ง, ไส้กรอก ปรากฏว่ามีคนที่มาเที่ยวกันมากทำให้ขายดี ส่วนนายบุญยังก็ขายล๊อตเตอรี่ให้กับนักท่องเที่ยว การค้าขายดีขึ้นมาก ต่อมามีเงินเก็บเป็นหมื่นบาท ร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็ขายดีจนรวย จึงอยากจะไปอยู่ในเมือง จึงขายร้านให้นายบุญยัง พร้อมที่ดินที่เป็นป่าชายเลนมีแต่น้ำแฉะเนื้อที่ 500 ตารางวาได้ มีแต่ใบครอบครอง ใบชื้อขาย ขายให้เป็นเงิน 1 หมื่นบาท อยู่ต่อมาประเทศไทย ถูกชาวต่างชาติซื้อที่ดินที่ดี ๆ เอาไปซะมาก เศรษฐีที่ดินกลัวจะไม่มีที่อยู่ ก็ไปซื้อที่ตามต่างจังหวัด เศรษฐีขายที่ต่าง จังหวัดก็ซื้อ ที่ตามป่ากัน ซื้อกันดะไปหมด เรียกว่าป่าชายเลนทะเลเกาะภูเขา เหมาแหลก เขาว่าสาเหตุมาจากเกาะฮ่องกงจะถูกเวนคนให้จีนแผ่นดินใหญ่ เศรษฐีฮ่องกงที่รวยมาก ไม่อยากอยู่ภายใต้การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ กลัวถูกยิงแบบที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เลยมาหาที่อยู่ใหม่ เช่น อินโด, ฟิลิปปินส์ฯ รวมทั้งไทยด้วย

ทีนี้พูดถึงคุณบุญยังต่อ ในปี 2532 มีคนมาขอซื้อที่เขา 400 ตารางวา เขาให้ราคา 12 ล้านบาท วิ่งเต้นให้เสร็จ ที่ ๆ เหลืออีก 100 ตารางวา เขาทำ น.ส. 3 ให้อีกด้วย เขาเลยปลูกบ้านไป 2 ล้าน สมเด็จก็นำไปเลี่ยมทอง

ตอนที่ 3 อภินิหารย์สมเด็จหลังรูป รุ่นกระดูกผี (รุ่น 4) (รอดตายได้แบบปาฏิหาริย์)

หลวงพ่อได้สร้างสมเด็จหลังรูปไว้ 3-4 ครั้ง คือด้านหนึ่งเป็นรูปพระสมเด็จ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นรูปท่าน เต็มองค์ สร้างครั้งแรก แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่กับพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ไม่มีคาถา 4 ตัวคือ ยานะอิติ ตัวหนังสือโค้ง ส่วนพิมพ์เล็กมีคาถา 4 ตัว ตัวหนังสือตรง มีส่วนผสมของทรายเสก เนื้อหนักว่าสมเด็จทุกพิมพ์ หายากกว่าแหวกม่านพิมพ์นิยม อกใหญ่

อยู่ต่อมาท่านได้นำแม่พิมพ์สมเด็จหลังรูปพิมพ์เล็กมากดพิมพ์ด้วยเนื้อปรกโพธิ์ 9 ใบ (พบ ๑ องค์) ส่วนพิมพ์ใหญ่ท่านได้ให้ช่างแกะแม่พิมพ์ใหม่ ใส่คาถา ยานะอิติ ลงไป (เขาว่าย่อมาจากหัวใจอิติปิโส แต่เท่าที่ผมรู้ หัวใจอิติปิโสน่าจะเป็นอิสวาสุ) สมเด็จพิมพ์ใหญ่นี้ท่านได้นำไปกดทำด้วยเนื้อผงน้ำมัน (เคยพบ ๑ องค์) แล้ว ท่านก็นำมากดพิมพ์ด้วยเนื้อปรกโพธิ์ 9 ใบ ทำไว้ประมาณ 500 องค์ แทบไม่ได้แจกใครเลย ท่านหวงแหนมาก ให้เฉพาะคนจำเป็นต่อจากนั้นใน พ.ศ. 2515 ท่านนำไปกดพิมพ์ด้วยผงล้วน ๆ ผสมว่านเลือดไม่จำหน่ายใครเช่นกัน แจกให้เฉพาะทหารที่ไปรบสงครามลาว เมื่อพระโดนเหงื่อจะออกเป็นสีเลือด สีน้ำตาล สร้างประมาณ 500 องค์ เช่นกัน

หลังจากนั้นท่านนำเอาไปกดพิมพ์ด้วยเนื้อสีขาวผสมกระดูกผีและว่านมหาเมฆ, วานหนังแห้งๆ (ผมตำป่นเอาไปถวายท่าน) ท่านยังได้สั่งช่างแกะแม่พิมพ์เป็นรูปท่านแบบรุ่นแรก แต่ไม่มีสมเด็จ สมเด็จรุ่นนี้สร้าง พ.ศ. 2516-18 เนื้อไม่รวมตัวกัน เพราะมือท่านไม่มีกำลัง แต่การทำครั้งนี้ใครไปหาท่าน ถ้าขอท่านจะแจกให้ทันที คล้ายเป็นการทำวิชาครั้งสุดท้ายของท่าน ประสพการณ์ของพระสมเด็จหลังรูปรุ่นนี้จึงมีสูงมาก เพราะท่านแจกไปมาก ก่อนท่านจะมรณภาพท่านได้ห่อเตรียมไว้ให้ผม ให้จนหมด ได้ ๑ ห่อใหญ่ ท่านบอกให้เอาไปแบ่ง ๆ กันใช้ ตอนหลังมีคนมาขอเอาไปจนหมดไม่เหลือเลย ไม่ได้เอาเงินใครสักบาทเดียว ปัจจุบันพระรุ่นนี้มีปลอมใกล้เคียงมาก ต่อไปจะขอเล่าเพื่อบันทึกถึงอภินิหารของสมเด็จหลังรูป รุ่นกระดูกผี นายไกร คำแผง เป็นน้องชายนายโอนลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ตัวใหญ่โต บ้านอยู่แหลมข่อย อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณ ไม่ไกลจากที่ผมอยู่มากนัก นายไกร เขามีเมียสวย แต่ด้วย ความยากจน เลยต้องไปหางานทำไปเช้ากลับค่ำ บางทีก็ไปเป็น 5 วัน 10 วัน อยู่ต่อมาเขาได้ยินข่าวไม่ดีเข้าหูบ่อย ๆ เข้า เขาว่าเมียเขามีชู้กับนายแก้ว คนพเนจรมาจากโคราช นายไกรเขาชาตินักเลง มีคติไม่เหมือนผม เขาคิดว่า “ลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ลูกผู้หญิงกินได้จ่ายไม่เป็น” นายไกรเขาเลยวางแผนทำเป็นว่าจะไปธุระไปหลายวัน แบบเพลงของชาย เมืองสิงห์ เขาเตรียมลับมีดเอาไว้อย่างดี เป็นมีดปาดตาลหรือมีดเหน็บที่คนต่างจังหวัดเขานิยมใช้ พอเขาไปแล้วเขาก็แอบกลับมาตอนมืด ๆ นายแก้วพอรู้ว่านายไกรไม่อยู่ ดีใจเป็นที่สุดได้มาหาเมียนายไกร นายไกรก็คอยจังหวะอยู่พอเห็นถนัดจับได้คาหนังคาเขา (แบบเดียวกับลักควายเขามา) เขาชักมีดออกจากฝัก ไล่ฟันนายแก้ว ชั๊วะเดียวคอขาดเลย เหลือหนังติดอยู่หน่อยเดียว แล้วเขาก็ไปหาหลวงพ่อกวยพร้อมนายโอนพี่ชายให้รดน้ำมนต์ให้ ความจริงเขาจะฆ่าเมียเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลัวไม่มีคนเลี้ยงลูก หลวงพ่อได้รดน้ำมนต์ให้พร้อม หยิบพระสมเด็จหลังรูปพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงผีมอบให้ ๑ องค์ ท่านได้ตรวจ ดูดวงชะตาแล้วพูดว่า มึงยังไม่หมดเคราะห์ ให้หนีไปก่อนไปอยู่จันทบุรีโน่น คนบ้านเราก็มีอยู่หลายคน เสี่ยวัตร ก็อยู่นั่น, ไอ้โต (นายโต) ก็อยู่นั่น มึงหลบไปสักพักหนึ่ง แล้วค่อยมาหากู มามอบตัวกับตำรวจ

นายไกรไปอยู่จันทบุรี ตอนนั้นเขากำลังขุดพลอยกัน มีคนมาก ร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างก็ไม่กลัวกัน วันหนึ่งเขาเดินกลับจากเหมืองมากัน ๒ คน เริ่มมืดแล้ว ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ เขารีบวิ่งไปที่ต้นเสียง เจอผู้หญิงกำลังถูกปล้ำ จะข่มขืนจากคนร้ายถึง 4-5 คน เขากับเพื่อนได้ช่วยเอาไว้ ได้สู้กัน แต่คนร้ายสู้นายไกรกับเพื่อนไม่ได้ และได้พาผู้หญิงไปส่งบ้าน อยู่ต่อมาไม่นานเขากับเพื่อนต้องไปธุระข้างนอก ความจริงยังไม่มืดเท่าไร ประมาณ 2 ทุ่มเศษ ขณะเดินมาตามทาง คู่อริ 4-5 คนนั้นได้คอยหาโอกาสแก้แค้น คอยอยู่หลายวันสบโอกาสพอดี คนร้ายได้ใช้โซ่เหวี่ยงเป็นวงกลม ปลายโซ่ติดลูกตุ้ม แล้วเหวี่ยงมาพันขานายไกรกับเพื่อนล้มลง พอล้มลงคนร้ายได้เอาขวานพกฟันหัว ทั้งนายไกรและเพื่อน ฟันไม่นับ ความแรงที่ฟันขนาด กะโหลกศีรษะของเพื่อนนายไกรแตกมันสมองกระเด็น ผมนายไกรขาดเหมือนโดนกร้อน กะโหลกศีรษะยุบลงไป พอคนร้ายเห็นว่าตายแน่ก็รีบหนีไป

คนเราเขาว่า คนลิขิตไม่เท่าฟ้าลิขิต คนให้ตายฟ้าไม่ให้ตายก็ไม่ตาย แต่ถ้านายไกรจะต้องตายศิษย์ก็จะไม่โกรธเคืองหลวงพ่อเลย เพราะมันสุดวิสัยแล้ว ชาติเสือชาตินักเลงตายโหงดีกว่าเป็นเอดส์ตาย คืนนั้นน้ำค้างลง ด้วยอำนาจมนต์ที่หลวงพ่อบรรจุไว้ในพระสมเด็จหลังรูป นายไกรก็ฟื้นขึ้นมาแก้โซ่ออก มาดูเพื่อน เพื่อนตายแล้ว ได้ผลักเพื่อนไว้ข้างทางกันรถทับ แล้วเดินกลับที่พัก หารถกระบะไปส่งที่โรงพยาบาลจันทบุรี รุ่งเช้าคนร้ายพอรู้ตัวว่า นายไกรยังไม่ตายได้ขี่รถมอเตอร์ไซด์ตามมา จะมาฆ่าให้ตาย ขณะนายไกรกำลังหลับ หลวงพ่อได้มาปลุกให้ตีน พอตื่นเขาเห็นรถกำลังขับมาจอดพอดี เขาเลยบอกยามให้สกัดไว้ ตัวเขาหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงพยาบาล รอดมาได้หวุดหวิด คนร้ายมากัน 4-5 คน นายไกรเลยขอกำลังตำรวจมาคุ้มครองและจ้างรถพยาบาลจากโรงพยาบาลมาส่งกรุงเทพ พร้อมกับโทรเลขถึงนายโอนพี่ชายให้มาเฝ้าที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็รักษา ตามมีตามเกิด เพราะไม่ใช่โรงพยาบาลของเอกชน ไม่ได้ผ่าตัด ได้แต่เจาะเอาเลือดเสียออก กะโหลกศีรษะก็ยุบลงไป ตามรอยขวาน (นายไกรไม่ได้เป็นศิษย์สัก แค่คุณพระคุ้มตัวก็ดีมาก ถ้าเป็นศิษย์สักจึงจะคงกระพันหรือชาตรี ถึงกระดูก) เมื่อนายไกรกลับมาบ้าน ได้ไปกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้เป่าหัวให้ จะเป็นด้วยอำนาจมนต์ที่หลวงพ่อเป่าให้หรือเพราะอะไรผมก็ตอบไม่ได้ กะโหลกศีรษะนายไกรที่ยุบลงไป กลับเสมอขึ้นมาเป็นปกติ แล้วนายไกรก็เข้ามอบตัวตามที่หลวงพ่อบอก ปรากฏว่าตำรวจบ้านผมเขาดี ไม่จับนายไกรเฉย ๆ ได้สั่งให้ไปเคลียร์กับเจ้าทุกข์ คือนายแก้ว คนโคราช นายไกรก็ไปพูดกับนายแก้ว นายแก้วอยู่บนต้นโพธิ์เขาเอาผ้าห่อกระดูกเขาไว้ และเขาเป็นคนจรด้วย นายแก้วก็ไม่ว่ายังไง ตกลงงานนี้นายไกรเสียเงินให้ตำรวจนิดหน่อย เรื่องนี้แสดงถึงอำนาจ พุทธคุณและอำนาจมนต์ของหลวงพ่อที่เด็ดขาด ยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน (ขอเล่าตอนจบสักหน่อย เมียนายไกร ไม่ได้มีชู้ หรือเป็นชู้กับนายแก้ว จริง ๆ แล้ว นายแก้ว เขาลักลอบ (เครื่องมือดักปลา) ของนายไกรประจำ (ลักลอบปลา) บอกไม่ฟัง เรื่องมีชู้เป็นเรื่องแต่งเล่าให้ตำรวจฟัง ปัจจุบัน นายไกรอพยพมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านของผู้เขียน

ตอนที่ 4 รอดมาได้แบบปาฏิหาริย์

หลวงพ่อมักมีศิษย์ที่เกเร, มีเมียมาก, ลูกมาก, เป็นเสือ, เป็นโจร, กินเหล้า, เล่นการพนัน, ไม่เกรงกลัวผู้ใด, ฆ่าคนตาย, ทางโจทย์ยังไม่กล้าแจ้งความชี้ตัว กลัวจะหาที่อยู่ไม่ได้ ในจำนวนศิษย์ของหลวงพ่อนี้ ถ้านำมาเข้าแถวเรียงกัน สัก 40 คน มาพิจารณาดูว่า ใครจะแน่กว่ากัน ผู้เขียนจะต้องยืน ท้ายสุดหมายเลข 40 มีศิษย์ของหลวงพ่อ อยู่คนหนึ่งอายุตก 70-80 ปี ชื่อ สำราญ น้ำจันทร์ เคยเป็นกำนันหมู่บ้านผู้เขียน (เอียง)เกเร รับซื้อไก่ถอน กำนันสมัยก่อนต้องมือถึงใจถึง หูตากว้าง หนังเหนียว เขาเป็นเพื่อนทางเกเรกับท่านอาจารย์แสวงอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองปลาดุก ผู้เขียนตอนนั้น อายุ 40-50 ปี เขามาขอซื้อนา เอาไปปลูกบ้านกับภรรยาใหม่ มีเมียมาก 20 กว่าคน ลูกมากกว่านั้น เขามาขอเป็นเพื่อน ผู้เขียนก็ตกลง เห็นว่าเสียเปรียบ เขาบูชาพระสมเด็จหลังรูปรุ่นกระดูกผี หลังปลดเกษียณ ไปเป็นลูกน้อง ของลูกน้องเสือฝ้าย ที่ด่านช้าง กิโล 8 (เคยเป็นที่ตั้งชุมเสือ) กำนันเป็นคนรูปหล่อ (หล่อไม่เสร็จ ตัวดำปี๋เลย) แต่เป็นคนปากกล้า ใจถึง มีอำนาจในตัว ไปชอบพอกับลูกสาวหัวหน้า ได้เสียกัน หัวหน้าไม่พอใจ ได้ประชุมลูกน้อง ความแตกตอนเช้ามืด กำนันเอียงไหวตัวคว้าปืน พร้อมลูกห่อผ้าขาวม้า หนีมา เดินแกมวิ่ง เกรงว่าจะถูกตามฆ่า (เขาชื่อเล่นชื่อเอียง เคยลงสมัคร ส.ส.ยุค ส.ส.หมาหลง) และเขาก็โดนตามฆ่าจริง หัวหน้าโจร และสมุน ลงความเห็นว่า กินบนเรือน ขี้ลดบนหลังคาเลี้ยงไม่ได้ สมุนโจร 30 คน ได้ตามฆ่าเขา พร้อมหัวหน้า ระยะทางตก 60 กิโลเมตร หนีมา 1 วันเต็ม กำนันเอียงได้เดินแกมวิ่ง เจอเสื้อเจอหมวก หุ่นไล่กาก็เอามาใส่ เจอตะค่องใส่ปลาก็เอามา คล้องคอปลอมตัว ว่าคาถามงกุฎพระเจ้าพรางตัว คับขันแอบ เอารองเท้าปาไปทาง 3 แพร่ง ตัวเองแอบในกอแฝก โจรมาดูรอบ ๆ อัศจรรย์ในคาถาหาไม่เจอ เขาเสกคาถาเอาใบไม้กิ่งไม้ทัดหูคุมหัวด้วยคาถาหายตัว (โสหับ) หลบรอดมาได้ โจรเดินผ่านไปเฉยเลย คิดว่าเป็นคนหาปลา เขาเอาไม้แหย่รูปู ทำเป็นหาปู หาปลา โจรบางส่วนนำหน้ามา คิดว่ายังไง กำนันเอียงต้องข้ามฝาก บริเวณวัดปากน้ำ วัดบ้านผู้เขียน จุดนี้เป็นจุดที่โจรเอาควายข้ามฟาก แม่น้ำท่าจีน กำนันมาถึงวัดปากน้ำ มืดพอดี ไม่คิดว่าโจรบางส่วนแอบอยู่ข้างหน้า บริเวณหน้าวัด มีตรอกควายอยู่ กำนันได้เข้าไปในป่าช้า แต่ก่อนเผาเชิงตะกอน ได้แอบอยู่บริเวณเชิงตะกอนเผาศพ แอบคุยกับผี มีการติดสินบนผี เอาขี้เถ้าผีมาทาหน้า เอาไม้หามผีมา 2 อัน ไม้ไผ่ไผ่สีสุก ได้ว่าคาถาเชิญผีตายโหง, ตายพราย, ตายห่า ให้มาช่วย คาถานี้ขึ้นต้นด้วยคาถาเรียกจิต ผีบอกขอให้เขาช่วย จนปลอดภัย แล้วถึงบ้าน จึงจัดสุราอาหารให้ผีกิน ผีชอบลาบเลือด, ต้มเปรตปลาไหล, อึ่งต้มเปรต, ปลาต้มเปรต, ชอบมาก คาถาว่าดังนี้ ถ่ายทอดจากหลวงพ่อปากต่อปาก จดแบบรีบ ๆ “จิ เจ รุ นิ จิต ตัง เจ ตะ สิ กัง รูปัง วิญญาณัง ขออัญเชิญเจ้าพ่อป่าช้า เจ้าแม่ป่าช้า ข้าพเจ้าขออัญเชิญผีในป่าช้านี้ จงมาช่วยข้าพเจ้าด้วย ขออัญเชิญผีตายบนบก, ผีตกน้ำตาย, ผีเขาฆ่า, ผีเขาฟัน, ผีชื่อดำ ชื่อแดง, ชื่อใหญ่, ผีไร้ญาติ...” มีชื่อผีอีกมาก เรียกมาให้มาก ๆ (มีชื่อผีอยู่คาถาปัดรังควาญ เป็นลายมือหลวงพ่อ หน้าท้ายสุด คาถาเล่ม 1)

ภายหลังกำนันเอียง ได้ไปหาปรกโพธิ์ 9 ใบมาใช้ ได้จากอาจารย์แสวง วัดหนองปลาดุก อ.เพื่อน ครั้งหนึ่งไปลักควายเขา โดนยิงขาบวมคับกางเกงเลย ได้หนีมากลางดึกมาหาหมอรวย ตลาดปากน้ำ ฉีดยาแก้อักเสบให้ เผลอหลับไป เจ้าทรัพย์ตามาเจอ ได้พูดคุยกัน เจ้าทรัพย์เป็นเพื่อน กำนันบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นบ้านของมึง เพื่อนมันชวนไปเป็นเพื่อน คุยกันไปมากอดคอร้องให้ ทั้ง 2 คน (กำนันน่าจะรู้ว่าเป็นบ้านเพื่อน)

เรื่องไปได้เสียกับลูกสาวหัวหน้าโจร ในสมัยขุนแผนก็เคยทำ ได้ฆ่าพ่อตาโจรซะตาย ยังมีอีก 2 คน คือ เสือวุ่น (เสือว่อน ชื่อคล้ายกัน อายุ 80 คาดตะกรุดโทน บวชอยู่ วัดปากน้ำ โดนยิงในวัดไม่ออก ขึ้นรถ 2 แถว ยืนอยู่ท้ายรถ คนร้ายหมั่นไส้เคยเป็นเสือ ลูกน้องอาจารย์ฝ้าย โดนถีบตกจากรถ กลิ้งไป 5-6 ตลบ ไม่สลบ, ไม่หัก, ไม่แตก) เสือวุ่นฆราวาส ไม่ได้เป็นเสือ ก็เคยฆ่าพ่อตา กลับไปฆ่า (กำนันเอียง ก็กลับไปฆ่า) พ่อตาซะตาย เสือวุ่นไม่ได้เป็นโจร แต่คนเขาเรียกเสือ ใจถึง ได้ไปฆ่าว่าที่พ่อตาซะตาย เพราะได้เสียกับลูกสาว ชุมโจรลูกน้องเสือฝ้าย เคยตั้งอยู่ 1. เขื่อนกระเสียว 2. กิโลเมตรที่ 8 ด่านช้าง 3. เขตติดต่อบ้านไร่ จ.อุทัย มี 3 ชุม เสือวุ่นเคยมีเรื่องแบบเดียวกัน บ้านเขาอยู่ไม่ไกล จากบ้านกำนันเอียง คือข้ามแม่น้ำท่าจีน แบบเดียวกันโดนตามฆ่าแบบเดียวกัน ถ้าจำไม่ผิดเขาคล้องปรกโพธิ์ หรือหลังรูป จำไม่ได้แล้ว เคยคุยกันตั้งแต่ 4 ทุ่ม - ตี 2 เขาเคยเป็นศิษย์หลวงพ่อโม แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อโม ขายไม่ได้ เขาเลยเอามาแลกกับสมเด็จหลังรูปของหลวงพ่อ (เอาไปจำหน่ายผู้เขียนไม่พูด) ภายหลังนับถือหลวงพ่อ ปี 2521 งานฝังลูกนิมิต เขาไปกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อกำลังเสกรูปหลังจีวร ยังไม่ได้เลี่ยม รูปนั้นอยู่หน้าโต๊ะหมู่ ใส่ถาดขันโตกทรงสูง รูปมีมาก ท่านหันหลังมารับแขก สรุปคือรูปอยู่ด้านหลังหลวงพ่อ คุยกันสักพักนายว่อนถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อจะทำอะไร สะดวกว่างหรือเปล่า หลวงพ่อตอบว่ากูจะเสกรูป (กรรมการยกรูปมาให้ท่านใกล้ ๆ ปลุกเอาฤกษ์) นายวุ่นเลยนิมนต์ให้ท่านเสก ท่านก็พูดคุยปกติ หันหน้ามาทางเสือว่อน ท่านพนมมือ หลับตา พักเดียว รูปได้ปลิวลอยขึ้นบนอากาศสูงระดับศีรษะของหลวงพ่อ เสือวุ่นได้ลุกขึ้น ประกบหยิบจับ รูปได้มา 7 รูป เขานำมาฝากผู้เขียน 4 รูป ตอนนั้นรูปก็ไม่แพง แทบไม่มีราคา ให้คนอื่นไปหมดแล้ว เขาเล่าว่า สมัยหลวงพ่อโม วัดจันทาราม ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เสกรูปได้แบบนี้ เขาหยิบมาได้ 7 รูป เขาให้น้องเขยผู้เขียน 4 รูป (เจอกับน้องเขยก่อน ผู้เขียนมาตอนเขาคุยกันแล้ว) น้องเขยผู้เขียน มันเค็ม ขอแบ่งสักรูปก็ไม่ให้

อีกคนที่ฆ่าว่าที่พ่อตา ก็เป็นเสือ 3 ชุม หนีมาเช่นกัน ชื่อเสือคอย ใช้สมเด็จหลังรูป และเคยใช้ตะกรุดโทน โดนยิงขณะถือศีลที่วัดปากน้ำ ขณะเดินจงกลม ยิงไม่ออก เขาใช้สมเด็จหลังรูป และตะกรุด ไปถือศีลทางดง (ไม่สมควรเอ่ยชื่อวัด) เสือคอย เป็นลูกน้อง อ.ฝ้าย หนีมาข้ามฝากที่ท่าวัดปากน้ำ ทั้ง 3 คน เสือคอยไปถือศีลที่วัดทางดง มีโจรมีใบสั่งฆ่า เสือคอยมากัน (คนร้าย) 2 คน มีมีดเป็นอาวุธ เข้านอนแล้ว ดึก โจรคนแรกขึ้นไปฆ่ามีมีดสั้นเป็นอาวุธ (ถ้าใช้ปืนจะดังและลบหลู่วัดมากไป) โจรได้เข้าไปแทงถึงในมุ้ง เสือคอยฮึดสู้ได้ปล้ำสู้กัน เพื่อนโจรเห็นว่าไปนาน ได้ขึ้นไปดู เห็นเสือคอยเสียเปรียบอยู่ด้านล่าง เพื่อนโจรเอามีดจ่อคอหอยอยู่ เลยลงมาคอยด้านล่าง เดือนหงาย ๆ แต่เห็นว่าเพื่อนไม่ลงมาสักที ได้ขึ้นไปดู ปรากฏว่าเพื่อนโดนเสือคอยแทงซะมิดมีดตายไปแล้ว เลยทิ้งศพไว้ แล้วหนีไป ไอ้คอย, ไอ้วุ่น, กำนันเอียง เป็นเพื่อนกันต่างวัย ในวัย 20 ไปกินเลี้ยงบ้านงาน เจอลูกน้องเสือฝ้ายอายุ 70 มาขอเป็นเพื่อนเฉย ๆ ก็มี อายุ 10 ปี (ป.4) เพื่อนพ่อลดตัวมาเป็นเพื่อนผู้เขียน ระดับสารวัตร, เจ้าของบ่อนไก่ (นายแก้ว หัวเกาะ), นายคลองชลประทาน, เจ้าอาวาส วัดปากน้ำ, อ.สำราญ, ช่างเซ้ง นายคลองชลประทาน, กำนันประทวน พานิช, ข้าราชการบนอำเภอ, ปลัดอำเภอ, ที่ดิน, เกษตรอำเภอ เขาร่ำลือว่า ผมเป็นเซียนพระ ดูพระไม่ต้องใช้กล้อง (ความจริงไม่มี) มีพระมากเป็นไห ๆ มีสมเด็จวัดระฆัง, บางขุนพรหม, ปากน้ำ, ปากคลอง, หลวงพ่อปาน บางนมโค, หลวงพ่อกวย มีมาก พวกเขา เอาพระเก่ามาแลกพระใหม่ หลวงพ่อกวยจากผู้เขียน แลกกันไปแลกกันมา เจ้าอาวาสก็มาแลกเอาวัดระฆังไป บางคนก็มาแลกเอาหลวงพ่อกวยไป พระมีมากเป็นกระมัง เรียนหนังสืออยู่ไม่มีใครให้สตางค์สักบาท พอโตขึ้นดูพระเป็น อายุสัก 20 ปีเศษได้ ถึงได้รู้ว่า ไอ้พวกห่าพวกนี้ เอาพระปลอมแต่ดูเก่า เอามาแลกกับพระหลวงพ่อกวย ปลอมแทบทั้งนั้น เจ้าอาวาสเอาสมเด็จไปแจกผ้าป่า, กฐิน มีคนได้ไป ไปให้ใครเขาดูไม่รู้ เขาว่าแท้ ที่นี้ผ้าป่า, กฐินมากันเพียบเลย, วัดระฆัง (ระคัง) เคยมีเป็น 40-50 องค์, ปากน้ำ มี 10-20 องค์. หลวงพ่อปาน, หลวงพ่อปากคลองมีมาก เก้ทั้งนั้น

อีกคนชื่อแถมเหมือนเงิน บ้านเคยอยู่ห่างกัน 50 เมตรได้ ไปซื้อที่ทางดง ด่านช้าง เจ้าพ่อขอซื้อต่อ เขาไม่ให้ เขาใช้หลังรูป เนื้อผงผี และปรกโพธิ์ 9 ใบ เขาโดนยิงหลายครั้ง ยิงเขาไม่ได้เลย คนร้ายจะเห็นเขามากับพระ พระขี่มอเตอร์ไซค์บ้าง, ซ้อนบ้าง หลายครั้ง จนเลิกราไป ตอนหลวงพ่อให้สมเด็จหลังรูปมาท่านพูดว่า มึงเอานี้ไปใช้ดีกว่า “มันจะได้ไม่เห็นมึง”

อีกคนชื่อวินัย หอมยามเย็น บ้านอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ กับผู้เขียน เป็นน้องชายของน้องเขยผู้เขียน เขาได้สมเด็จหลังรูป 1 จากพี่ชาย เพราะเขาสอบเป็น ตชด.ได้ เขารับราชการ อยู่ทางอีสาน ตอนบน ชายแดนไทยเขมร เขาเป็นคนเกเร ก็เหมาะกับอาชีพของเขา เคยโดนยิงหลายครั้ง ทั้งปืนสงครามและปืนพก แต่ยิงไม่ออก ออกไม่ถูก โดนในบ่อนด้วยปืนพกประจำ (แทงไม่จ่าย, ยักไม่จ่าย) เพื่อน ตชด. อีกคนคล้องอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร ก็โดนยิงไม่ออก ไม่ถูกเหมือนกัน (คล้องรูปถ่าย)

อยู่ต่อมา 2 คนนี้ ไปนอนกับเมียแม้ว เมียแม้วมาเก็บใบชา 3-4 คน สามีอยู่บ้านค้าขาย แม้วผู้ชายอายุไม่ยืน 50-60 ปีก็ตาย บนเขาอากาศดูเหมือนดีแต่ไม่ดี มักมีไข้, ไข้ป่า, อากาศที่พัดมามักมีเชื้อไข้ป่า สามี (ผู้ชาย) มักสูบฝิ่น, ค้าขาย ภรรยาอาจมีถึง 3-4 คน ภรรยาสาว สามีมักมีอายุ ภรรยาบางคนยังสาว อาจหารายได้พิเศษ หลับนอนกับคนแปลกหน้า ที่พอใจ ครั้งละ 20 บาท สมัยนั้น วินัย กับเพื่อน ไปใช้บริการ ขากลับลงจากเขา เพื่อน ตชด. ศิษย์อาจารย์ฝั้น โดนยิงนัดเดียวตายเลย (พระสายกรรมฐาน ต้องอยู่ในศีล จึงคุ้มครองได้) ส่วน ส.ต.อ.วินัย ก็โดนยิงอีกหลายครั้งไม่ออกไม่ถูก นับว่าพระของหลวงพ่อนี้ จะเข้าข้างศิษย์เสมอ ไม่ว่าดีหรือเลว ขอให้นับถือเป็นใช้ได้ โสเภณีก็ใช้ได้

วินัยกับเพื่อนตำรวจ 2 คน ตั้งด่าน กักด่านอยู่ชายแดนเขมร ผู้กองผู้พัน ได้ค้าวัวควาย ข้ามแดนมา วินัยกับเพื่อน ขอค่าเหล้าบ้าง ขอเครื่องดื่มบ้าง ควายเป็นฝูง 40-50 ตัว หลายครั้งแล้ว คนไล่ควายไม่ให้อะไร วินัยกับเพื่อนเลย วินัยกับเพื่อน 2 คนเป็นคนเกเรอยู่แล้ว เลยจับคนไล่ควาย ติดกุยแจมือ ไล่ควายทั้งฝูงไปขายเอง ขายเสร็จก็หนีมาอยู่บ้าน พ่อและแม่เกลียดมาก เพราะเกเร ภายหลังก็ยึดอาชีพมือปืนรับจ้าง โดนยิงหลายครั้งไม่ออกเลย เพื่อนเป็นครูจังหวัดกำแพงเพชร สมัยยังมืด มายิงคนใกล้บ้านผู้เขียน (วังกระชาย) หันคา เพื่อนโจรยิงคนดี จับผมยิง ยิงหัว นัดเดียว นิ้วก้อยโจร กระเด็นขาดครึ่งนิ้ว โจรยืนงง (วินัยชี้เป้า)

ตอนที่ 5 เรื่องของผู้เขียน

ความจริงไม่อยากเล่า มันน่าอาย ผู้เขียนใช้รูปหลังสิงห์ 4 ปีตอนเรียนหนังสือ เรียนจบเพื่อนขอได้ให้เพื่อนไป กลับมาบ้านสอบบรรจุเป็นครู ใช้บูชาสมเด็จหลังรูปรุ่น 1 มีอยู่ 2-3 องค์ น้องเขยให้มา ให้เป็นเครื่องบรรณาการ (อีกองค์เขาให้น้องชาย วินัย หอมยามเย็น) ได้คล้องใช้อยู่ ตอนจะรับราชการได้ไปกราบท่าน ขอให้ท่านให้โอวาท ท่านพูดทำนองนี้ ท่านพูดว่า เมื่อเราอยู่ที่ใด ทำงานใด สถานที่ใด อย่าทำแต่หน้าที่ให้ทำทั้งโรงเรียน, โรงพัก, ปัดกวาด, ดูแลเด็ก, ดูแลเพื่อนร่วมงาน, ถามถึงทุกข์สุข ช่วยเหลือกัน เมื่อถามถึงนาย การวางตัว ท่านพูดแบบแรง ๆ ว่า เราถือสัญชาติคน ไม่ต้องทำตัวแบบสุนัข ทำแล้วก็แก้อดีตไม่ได้ ให้ทำตัวปกติ เรื่อง 2 ขั้น เขาจะให้ก็รับ เขาไม่ให้อย่าไปขอ อย่าลดตัวไปประจบเขา ให้ถือศักดิ์ศรี เมื่อผู้เขียนไปทำงาน ก็ไม่ประจบ ผู้เขียนอาศัยเคยเห็นโลกมามาก เคยเป็นครูโรงเรียนเอกชน เคยทำงานโรงงาน ถึงเวลาต้องเข้าห้องสอนเด็ก ไม่โกงเวลา ไม่โกงหลักสูตร (สอนจนจบเล่ม) เพื่อนฝูงไม่ชอบ ไม่ชอบไม่เท่าไร พอจะพิจารณา 2 ขั้น ครูใหญ่ขอเงิน 1 หมื่น (เงินเดือนแค่ 3,500 บาท (สามพันห้าร้อย)) 10 ปี ครูใหญ่คนแรกปลดเกษียณ ผมก็ไม่มีเงินให้ 2 ขั้นก็ไม่ได้ 10 ปีต่อมา ครูใหญ่คนที่ 2 คนนี้หนักกว่าคนเก่า คือชะตาไม่ต้องกัน ผมไม่รู้จะย้ายไปอยู่ไหน ถ้าย้ายไปก็ไกลมาก เลยทนอยู่ มาคิดได้ว่า ยกให้เขาสักคนจะเป็นไร ไม่พูดถึง ลงให้ แต่ไม่ประจบ ผู้ช่วยครูใหญ่ เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน จะขอชื่อกู้สหกรณ์ครู โดยให้ผู้เขียนเป็นคนกู้ ประวัติของเขา ยืมมือใครกู้ ถ้ากู้ให้ แต่พอถึงสิ้นเดือน เขาไม่มีจ่าย กู้แบบมาก ๆ ใช้หนี้ 2-3-5 ปี เจ้าของชื่อต้องจ่ายหนี้เอง ถึงตรงนี้ ผู้เขียนต้องกู้เงินตัวเองกันเพื่อนฝูง และหัวหน้าเอาชื่อกู้ เขาก็เกลียดขี้หน้า แต่ก็ไม่เป็นไรดีกว่าโดนเอาเปรียบ เขาเลยลงมติว่า ผมผู้เขียนใจคอคับแคบ นายคนที่ 2 อยู่มา 10 ปี เขาก็ไม่ให้ 2 ขั้น คนมาใหม่ มาได้ 7 เดือนได้ 2 ขั้น ผู้เขียนไม่สนใจเรื่องเงินแต่อายเขา เผลอคุยกับเพื่อนว่า ผมไม่สนใจ 2 ขั้น (องุ่นเปรี้ยว) เพราะผมทำงานขึ้นกับชาติ คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พอเขาได้ยินเข้า (เพื่อนฟ้อง) เขาบอกให้ผมไปขอ 2 ขั้นกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมรู้สึกอายมาก อยากเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อไอ้สมเพศ, หรือไอ้ทุเรศ อยู่จน 10 ปีเขาก็ไม่ให้ 2 ขั้น แต่เวลาสอบเลื่อนวิทยฐานะ ผมสอบผ่านแค่ปีเดียว คนอื่นบางคนใช้เวลาเป็น 10 ปี เขาไม่ให้ผู้เขียนทำงาน เกรงจะมีผลงาน ผู้เขียนเลยอยู่แบบอ๋องเลย จะไปจะมาเขาไม่ว่า แต่เขาให้อยู่แผนกหาเงิน ข้อดีคืออยู่แบบอ๋อง อีกข้อคือใช้พระหลังรูป จะบอกเล่าหลวงพ่อได้ง่าย ไว และรุนแรง หลวงพ่อจะมาหาเรื่อย ถอดจิตมา ผู้เขียนก็ถอดจิตออกมาคุย หลวงพ่อสอนว่า คนเราต่างกันที่ปัญญา ท่านบอกให้ไปหาอ่านเอาในห้องสมุด ผู้เขียนได้ค้นคว้าอ่าน ได้อ่าน 3 ก๊ก, ตำราพิชัยสงครามของซุนวู ที่ขงเบ้งใช้ เล่มนี้แม้ย้ายภูเขากั้นแม่น้ำ ก็ทำได้, และได้อ่านคำสอนของหลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม และคำสอนหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ข้อดีข้อนี้ของหลวงพ่อคือ ผู้เขียนได้พบทางสงบ มาคิดได้ว่า ได้พบนาย ผู้ช่วยนาย, เพื่อนฝูง, ญาติ (บางคน) เขาเป็นคนกระจอกเลย ไม่เกลียด ไม่โกรธเขาอีกเลย ดีใจที่เขาทำกับเรา เหมือนสอนเราช่วยตีเหล็ก (ตัวเรา) ให้เป็นเหล็กกล้า มองแล้วเป็นธรรมะหมดเลย ความดีข้อที่ 3 ของสมเด็จหลังรูป ผู้เขียนอยากรวย ได้บอกหลวงพ่อกับสมเด็จหลังรูป หลวงพ่อได้พาไปเมืองลับแล ไปเอาปลา (ปลาหมายถึงโชคลาภ) และได้บอกทางไปพบพ่อแม่เก่าที่สวรรค์ชั้นต้นสุด ได้ไปเอาใบเงินใบทอง (ใบทอง) มา

หลวงพ่อสอนวิธีหาเงินและเก็บเงิน แต่ก็ไม่รวยสักที หลวงพ่อคงจะรำคาญ ผู้เขียนทำการค้าขายของเก่า เป็นงานอดิเรก ได้ขอเงินกับท่าน ได้ค้าขายเดือนเมษายน 1 เดือน มีกำไรออมา 1 ล้าน ขายอยู่ 4 ปี ของเดือนเมษา ได้เงินรวมมา ตก 4 ล้าน เลยลาออก มาทำเหมืองแร่ที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ผู้คนเรียกเสี่ย เรียกพ่อเลี้ยง ทำอยู่เกือบ 20 ปี ก็ไม่รวย ขายรถออกไป ก็มีเท่า ๆ เดิม แต่เงินเท่านี้ก็รวยได้ โดยเปลี่ยนแนวความคิด ทำใจให้กว้าง, บริจาค, แบ่งปัน, ดูแลเด็กกำพร้า, คนชรา, คนป่วยติดเตียง, ให้ทุนเด็ก, เลี้ยงลิงฯ เปลี่ยนแนวความคิดว่าเงินเท่านี้ก็รวยได้ มันก็รวยได้จริง ๆ, คนอ้วน เริ่มกินแต่น้อย, กินผัก, ออกกำลังกาย เปลี่ยนแนวความคิดวิธีกิน เดี๋ยวก็ผอม พูดกับตัวเองว่าเราจะผอมแล้วเริ่มทำกิจกรรมลดน้ำหนัก เดี๋ยวก็ผอม คนเป็นโรคกระเพาะ หมอบอกให้ไม่ให้กินเผ็ด แต่เราอดไม่ได้ แต่ถ้าจะให้หาย ไม่กินเผ็ดเลย กินผักจิ้มน้ำปลา 2-3 วัน โรคกระเพาะก็หาย คือเปลี่ยนแนวความคิดวิธีกิน เปลี่ยนจริง ๆ

สรุปคือ ผู้เขียนบูชา (ใช้) สมเด็จหลังรูป แม้ดูเหมือนตกต่ำแต่ก็ไม่ตกต่ำ คือ 1) อยู่แบบอ๋อง 2) พบทางธรรม ทางสงบ จากจิตของหลวงพ่อ ที่แฟงอยู่ในพระสมเด็จหลังรูป 3) เก็บเงินได้ หาเงินได้ แบบอัศจรรย์ สามารถซื้อรถพ่วง 18 ล้อได้ 3 คัน แต่ผู้เขียนก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย กินอาหาร 1-2 มื้อ กินผักปลูกเอง นอนกินดอก (ดอกโสน, ดอกกล้วย, ดอกแค) ปัจจุบันเลี้ยงปลาดุก ตัวยาวเท่าแขน, เลี้ยงปลาบึก ตัวเท่าเด็กอนุบาล, เลี้ยงไก่ 200-300 ตัว ปัจจุบัน เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ชน แต่ไม่ฆ่า ไม่สั่งฆ่า ไม่ยกให้ใคร (ไม่มีสิทธิ์) ลักขโมยปลาได้ แต่ห้ามช๊อต ขอไม่ให้

ส่วนคาถาที่ใช้บูชา สมเด็จหลังรูป บทสั้น ๆ เวลาจะมีภัยให้ว่าคาถา “ยา นะ อิ ติ” แต่ถ้าจะเอาแบบเต็ม ๆ คือ “พุทธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ ยา นะ อิ ติ นะ อุด ทัง ปิด”

พระ 3 พิมพน์นี้ คือ 1) สมเด็จแหวกม่าน อกใหญ่พิมพ์นิยม 2) สมเด็จปรกโพธิ์ 9 ใบ 3) สมเด็จหลังรูป รุ่น 1 หน้าหนุ่ม พระ 3 พิมพ์นี้ เป็นสุดยอดของพระสมเด็จของหลวงพ่อ คล้องคอไปไหน ไม่อายใคร เล่ากันว่า “ใครคล้องพระหลวงพ่อกวย รวยทุกคน”

ตอนที่ 6 กำบังได้ ด้วยอำนาจของผงผี และว่านมหาเมฆ รวมทั้งทรายเสก

ต่อไปจะขอกล่าวถึงสมเด็จหลังรูปพิมพ์ใหญ่อีกสัก 1 ครั้ง พระเครื่องหรือพระพุทธพิมพ์รูปแบบของสมเด็จของหลวงพ่อนี้ มีมากหลายแบบเช่นกัน บางแบบก็หาข้อยุติไม่ได้ เพราะเป็นสมเด็จหลังเรียบไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมายืนยัน หรือเป็นเอกลักษณ์หลวงพ่อสร้างพระเครื่องพิมพ์สมเด็จ ครั้งแรกหรือยุคแรก คือสมเด็จพิมพ์แหวกม่านประมาณ พ.ศ. 2490 กว่า ๆ เป็นสมเด็จหลังเรียบ แต่มีเอกลักษณ์พิเศษ ต่อมาก็สร้างหลังเรียบพิมพ์ต่าง ๆ อีกหลายสิบพิมพ์ บางส่วนได้นำไป ฝังเอาไว้หลายไห ยุคต่อมาจึงสร้างปรกโพธิ์ 9 ใบ สร้างสมเด็จหลังรูป, สมเด็จทรงไกเซอร์ หลังยันต์, สมเด็จพิมพ์พระประธานหลังยันต์ครั้งสุดท้าย หลวงพ่อสร้างสมเด็จหลังรูปพิมพ์ใหญ่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สร้างอีกเลย สมเด็จที่ได้รับความนิยมสูงคือ แหวกม่าน, หลังรูปพิมพ์เล็ก แต่พิมพ์อื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมเช่นกันและค่อนข้างจะหายากทุกแบบ หลังจากนั้นหลวงพ่อได้ให้ช่างไปทำสมเด็จหลังรูปกรอบกระจก, สมเด็จขี่สิงห์หลังสิงห์, สมเด็จทรงระฆังเล็ก, สมเด็จดำพิมพ์ขาโต๊ะ, สมเด็จพิมพ์พระลมูล เนื้อสีแดง ๆ สมเด็จชุดหลังนี้ออกจำหน่ายในงานฝังลูกนิมิต หลวงพ่อไม่ได้ทำเอง ได้แต่ให้ผงไปผสมทำ แต่หลวงพ่อก็ปลุกเสกเอง ราคาจึงไม่แพงนัก

สมเด็จพิมพ์หลังรูปนี้หลวงพ่อใช้ผงทำเหมืองกับสมเด็จรุ่นก่อน ๆ แต่อ่อนว่าน คือใช้ผงวิเศษมาก นอกจากว่านที่ผมตำป่นไปถวายแล้ว เข้าใจว่าไม่ได้ผสมว่านอย่างอื่นอีกเลย อาจเป็นเพราะผงหลวงพ่อเหลือมาก จึงใช้ผงมากและหลวงพ่อคงรู้ว่า คงจะไม่ได้ทำอีกแล้ว จึงใช้ผงผสมทำมาก สมเด็จหลังรูปพิมพ์ใหญ่นี้มีอภินิหารมากกว่าสมเด็จทุกรุ่น คือ อาจจะเป็นเพราะมีมากกว่าทุกรุ่นก็เป็นได้ สมเด็จรุ่นนี้เท่าที่พบส่วนใหญ่เป็นเนื้อสีขาวแต่เคยพบเป็นเนื้อผงน้ำมันสีน้ำตาลก็มี แต่น้อยมาก (พบ 1 องค์)

สมเด็จรุ่นนี้ ตอนนั้นผมนำว่านไปถวายท่านหลายชนิด แต่มีชนิดหนึ่งท่านพอใจมาก หัวว่านคล้ายสีดำ เมื่อหลวงพ่อเห็นเข้า ท่านพอใจมาก ท่านพูดว่า “มหาเมฆเขาดีถ้าปลุกเสกให้ดีจะกำบังได้” ผมก็คอยฟังข่าวถึงอภินิหารย์ของสมเด็จรุ่นนี้ ฟังมานาน ก็ไม่เคยได้ยินว่ากำบังได้สักที เคยได้ยินแต่ว่าบูชาแล้วร่ำรวย เหมือนสมเด็จรุ่นอื่น ๆ แต่แคล้วคลาดและเมตตาดีแน่ แต่กำบังเพิ่งจะได้ยินเพียงครั้งเดียว สมควรบันทึกเอาไว้

6.1 นายขจรศักดิ์ นาคทอง คนปากน้ำ หมู่ 5 ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เป็นลูกชายนายธง คนแจวเรือข้ามฟากท่าวัดปากน้ำ นายธงเคยไปทำบุญที่วัดของหลวงพ่อ ได้สมเด็จหลังรูปพิมพ์ใหญ่มา 1 องค์ ให้ลูกชายคล้องคอติดตัว นายขจรศักดิ์เขานับถือหลวงพ่อมาก แม้จะไม่เคยได้กราบหลวงพ่อเลย เพราะเป็นเด็กรุ่นหลัง หลายครั้งโดนตำรวจไล่จับ เพราะไปสูบกัญชาแต่จับไม่ได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่น่าจะจับได้ เพราะนายขจรศักดิ์เขาเป็นโรคอ้วน วิ่งไม่เร็ว ครั้งสำคัญที่ทำให้เขาเคารพหลวงพ่อมากคือ เขาวิ่งหนีตำรวจวิ่งเลาะป่ากล้วย ขณะกำลังวิ่งอยู่ปรากฏว่าตำรวจวิ่งเลยเขาไป เขาหันไปดูไม่เห็นตำรวจ เห็นแต่ตำรวจวิ่งนำหน้าไป เขาเลยหยุด เขาแปลกใจมาก งงที่สุดในชีวิต ที่ตำรวจวิ่งขับเขามา แล้ววิ่งเลยไป ตอนหลังสมเด็จหลังรูปนี้มีราคาแพงมากเข้า มีคนมาให้ราคาแพงเรื่อย ๆ นายธงกลัวจะหาย, กลัวลูกชายจะนำไปขายเลยถอดเก็บ เก็บอยู่ได้ไม่นานตำรวจมาบ้าน เห็นนายขจรศักดิ์ นอนหลับอยู่เอากัญชายัดใส่มือ จับเอาไปโรงพักเลย แปลกมากโดนจับหลายครั้ง จับไม่ได้ มาจับได้ขณะนอนหลับ แถมไม่มีกัญชาอีก เรื่องเมตตาก็ดีมากตอนนั้นยังใช้บูชาอยู่ ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ไปกับนายชู สว่างศรี รถไม่ได้ต่อทะเบียนมา 5 ปี ตำรวจไม่เคยจับเลย ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน วันหนึ่งจะกี่เที่ยวตำรวจก็ไม่จับ ขนาดตั้งด่านก็ไม่จับ นายชูมีเหรียญรุ่นเสาร์ 5 ตำรวจได้แต่พูดว่า “ถ้ากูไม่มีผลงาน มึงต้องช่วยกูมั่งน๊ะ”

6.2 ในหมู่บ้านหัวเด่น ติดกับบ้านแค เดิมยุคปู่ของผู้เขียน มีคนจริงอยู่ที่หัวเด่นบ้านแค อยู่ 2 คน คือ สังตุ๊และสังเฉา (ฉาว) มาจากคำว่า อื้อฉาว (ไม่ดี) ลูกฉาวเป็นนักเลงชื่อเบิ้ม บ้านอยู่บางระจัน ลูกตุ๊ผู้ชายมีหลายคน ชื่อ หมอเทือง, หมอทอง ตุ๊ และฉาว เป็นน้องปู่, พระครูพิม์ก็เป็นน้องปู หมอเทือง, หมอทอง, เบิ้ม เป็นรุ่นพ่อ คนพวกนี้ดุ ใจร้าย ใจถึงมาก หลัง พ.ศ. 2500 โด่งดังมาก มีคน 2 คนพี่น้อง เมาจากวัดบ้านกร่าง (อยู่เหนือวัดหลวงพ่อมาทางวัดหลวงพ่อบุดดา) อาละวาดคนที่วัดบ้านกร่าง ได้พูดว่า ถ้ามึงอยากตาย ให้ไปแวะหาเรื่อง แถวหัวเด่น, บ้านแค เดี๋ยวมึงก็ได้ตาย 2 คนพี่น้อง อยากตายจัด ได้ขี่รถขึ้นเหนือมา เจอคนทำงานอยู่ที่หัวเด่นได้แวะหาเรื่องที่หัวเด่น เดี๋ยวเดียว หมอเทือง ยิงคนน้องตายเลย 2-3 นัด คนพี่ตกใจมาก ได้คว้าสากตำขนมจีนขนาดใหญ่ ตีหมอเทือง ตีซ้ำไป 2-3 ที คนมาห้าม หมอเมืองไม่หัก ไม่แตกเลย สากใหญ่ขนาด 2 มือจับ ถ้าตีคนทั่วไป 1 ทีก็ตาย เขากำลังมีงานทำขนมจีนอยู่ หมอเทืองคล้องสมเด็จหลังรูปอยู่ 1 องค์ เดี๋ยวนี้หมอเทืองก็ยังอยู่ ติดคุกอยู่ชัยนาท (ช่วยหลานพรางศพ คนตาย)

คนน้องชื่อ หมอทอง นิสัยดีสุภาพถ่อมตัว เป็นหมองู บ้านใหม่ อยู่ทางกำมะเชียร อ.เดิมบางฯ เขามีวิชาหมองู จงอาง คือแต่ก่อนถ้าจะเกี่ยวข้าว มีงูจงอางอยู่ในนา ก็จะเกี่ยวข้าวไม่ได้ งูจงอางดุ ไล่กัด ตัวโตน่ากลัว บางตัวสูง (แผ่แม่เบี้ยได้สูงขนาดเอว, อก) ตัวใหญ่ขนาดน่อง, โคนขา นายทองเขาตัดไม้ 3 อัน ทุบดินให้ งูแผ่แม่เบี้ย 1 อัน, อีกอันสำรอง, อีกอันเขวี้ยงตัดลำคอในระยะประชิด บิดาของผู้เขียนและผู้เขียนได้ถ่ายทอดวิชาไว้ แต่บิดา (พ่อ) มาถ่ายทอดให้ ใช้พร้า 1 อันพอ (เดี๋ยวนี้ไม่ทำเขาแล้ว บอกให้เขาไป ๆ ซะ) หมอทอง ไปธุระหานายต่วยที่หัวเด่น ไปกับลูกชาย 1 คน (คนขับ) จากกับนายต่วย ตอนเช้าเริ่มสาย นายต่วยวิดน้ำเข้านา คันคลองหัวเด่นจากกันแล้ว จากหัวเด่นขี่รถมาถึงหนองปลาดุก ลูกชายลืมเสื้อคลุมไว้ที่รถไถ (วิดน้ำเข้านา) ได้ขอพ่อไปเอาเสื้อ นายทองเลยลงรถ คอยที่หนองปลาดุก ให้ลูกชายไปเอาเสื้อแต่คนเดียว ลูกชายขี่รถบิ๊กไบค์ คันใหญ่ขี่ด้วยความเร็ว พอเห็นเสื้อแขวนอยู่กับคันไถรถไถ ก็ยังขี้เร็ว รถหยุดไมทัน ได้ชนคันไถเหล็กตายเลย นายทองเขาคล้องพระสมเด็จหลังรูป ของหลวงพ่อ เวลามีเคราะห์หลวงพ่อจะดลใจให้ไม่ไป เอาแต่คนเดียว แบบนี้เสมอ เคยโดนยิงหลายครั้ง เป็น 10 ครั้ง คือ เป็นนักเลงด้วย อาจถึงขั้นฮิตแมน

เวลาเขาเดินทาง เพื่อจะไม่ให้เจองู เขาใช้คาถานี้ “อม มุด มุด พระ ยา ครุฑ จะ เดิน ดง พุท ธะ งอ งอ” เป็นคาถาของหลวงพ่อ

6.3 เรื่องจับเสือมือเปล่า ที่ตลาดท่าช้าง ห่างจากบ้านผู้เขียนมีตลาดใหญ่อยู่ ห่างจากบ้าน 10 กิโลเมตร ที่ตั้งอำเภอ, สภอ., เกษตรอำเภอ อยู่ที่นี่ ที่ตลาดท่าช้าง มีตำรวจยุคของอา, น้า, อยู่ 1 คนชื่อดาบสนิท บ้านอยู่ตรงข้ามร้านอุดมวัฒนา เป็นตำรวจที่ใจถึง บ้านเดิมอยู่ชุมเสือฝ้าย คือสามเอก เขาเป็นตำรวจอยู่ ๆ เขาก็มาบ้าน มาขอพระหลวงพ่อกวย เอาไปใช้สัก 1 องค์ ผู้เขียนตัดสินใจ ให้สมเด็จหลังรูป กรอบกระจกเขา 1 องค์

ความเป็นมา สมเด็จหลังรูปกรอบกระจก เป็นสมเด็จสั่งทำให้บูชางานฝังลูกนิมิต พ.ศ. 2521 พระไม่สวยนัก หลวงพ่อสั่งเก็บ จึงเหลือตกค้าง (สมัย พ.ศ. 2530-2535) สมัยอาจารย์สำรวยเป็นเจ้าอาวาส คือมีจำหน่ายบ้างเป็นครั้งคราว คือหาเจอบ้าง ไม่เจอบ้าง ผู้เขียนได้เช่าไว้ครั้งสุดท้ายตก 10 องค์ ราคาองค์ละ 500 บาท ปรากฏว่าเป็นพระทำใหม่ โดนเข้าไป 10 องค์ตก 5 พันบาท เงินเดือนก็ปาน ๆ นี้ คิดไม่ตก (โดนฟาดด้วยฝ่ามือ ชีพจรเกือบขาดสะบั้น ถ้าแก้ไขไม่ทัน ภายใน 2 ชั่วยาม อาจถึงกับพิการ) เลยนำพระไปให้พระครูพิมพ์เสก เสกอยู่ 1 พรรษาได้ ไปรับพระกลับมา คิดไม่ตกพระปลอม เสกอย่างไรก็ปลอม คิดไปคิดมาถือถุงพระอยู่ถุงพระหลุดมือ พระตกแตกเหลือดี 1 องค์ พอดีดาบสนิทมาขอฟรี ๆ เลยคิดจะให้พระกับเขา ตามมารยาทที่เลว ตามสันดาน ส่วนดาบสนิทก็เล่นพระประเภท ข. เล่นพระประเภท ก. (ไก่) อยากได้ให้เช่าเอา เล่นพระประเภท ข. (ขอเอา) อยากได้ก็ขอเอาเขาเรียกมาเฟีย ผมเลยให้พระองค์ที่เหลือกับเขาไป วันหนึ่งมีคนร้ายเข้าไปจะงัดแงะบ้าน โดยไม่รู้ว่าเป็นบ้านตำรวจ เข้าไปในรั้ว จะหาทางเข้าบ้าน ดาบสนิท ตื่นพอดี หลวงพ่อมาปลุกเขาหยิบปืนออกมาตอนดึก คนร้ายเห็นจวนตัว ได้ยิงดาบสนิท 3 นัด ไม่ออก (ดาบสนิทคล้องพระสมเด็จหลังรูปกรอบกระจก) ดาบสนิท ก็ถือปืนอยู่ แต่ไม่ยิง เห็นว่าตนเองยิงไม่ออก เลยปล้ำจับคนร้าย ด้วยมือเปล่า เรียกว่า จับเสือมือเปล่า แต่หาความดี ความชอบไม่ได้ คือไม่ได้ยิงกันสนั่นตลาด ความดีไม่ปรากฏ (ต้องโดนยิงตายก่อน ถึงจะได้เป็นนายพัน) ดาบสนิทปลดเกษียณติดยศดาบ ข้อหาไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะนายขอพระหลวงพ่อกวย เลี่ยมทององค์ที่ยิงไม่ออก แต่ดาบไม่ให้ เพื่อน ๆ ติดยศนายร้อย ก่อนปลด แต่ดาบก็เป็นดาบคนเดิม ดาบสนิท, จ่าเจียม, จ่าพัว 3 คนนี้เคยมายิง นายกลิ่น ชุมพลพันธ์ ศิษย์ของหลวงพ่อ เขาคล้องรูปหล่อ, และหนุมานลอยองค์ 1 มายิงหลายครั้ง ไม่ออก, ไม่ถูก, ไม่ได้ตัวต้องหนีไปอยู่สกลนคร อีกคนโดนยิงประจำ เขาคล้องสมเด็จหลังรูป 1 คือนายแทน สุขสวัสดิ์ 2 คนนี้อยู่ใกล้ ๆ บ้านผู้เขียน นายแทนคล้องหลังรูป 1 โดนตำรวจ 3 คนนี้ มาแอบยิงประจำ เขาเกเรพอสมควร ยิงออกไม่ถูก ยิงตรงไม่ออก นายแทนนี้เจ้าชู้ มีคาถาหลวงพ่อ ใช้ปลัดรุ่นลิงขี่ด้วย ใช้คาถาขุนแผนด้วย เป็นศิษย์สักด้วย หลวงพ่อสักยันต์ตรงหน้าอกด้วย ยันต์นี้ถ้าจะยิงต้องยกปืนถึง 3 ครั้ง และสักยันต์ที่หลังด้วย ใช้คาถาโสหับ (เสกใบไม้ทัดหู เวลาเข้าสงคราม กำบังได้) ก่อนตายหลานเอาไม้หน้า 3 ตีทุบ ไม่หักไม่แตกเลย (เมา) ก่อนตายได้นำพระมาจำหน่ายให้ทั้งปลัด และสมเด็จหลังรูป 1 แต่สมเด็จสมเด็จหลังรูป เจ้าของใส่ตลับ พระใหญ่ไปเจ้าของได้ฝนข้าง ให้เล็กลง 1 ด้าน นานแล้วไม่รู้ว่าอยู่กับใคร ส่วนองค์ของ ส.ต.อ.วินัย หอมยามเย็น เขาก็นำมาออกให้ผู้เขียน (ไม่รู้ว่าอยู่กับใคร) เขาไม่มีพระใช้ ผู้เขียนให้ของใหม่ไปใช้ เมาเข้าไปขี่รถชนกับ 10 ล้อ (มอเตอร์ไซค์) รถเละคนไม่หัก ไม่แตกเลย เข้าโรงพยาบาล หมอให้ไปรับรอง (พ่อนายท้วน หอมยามเย็น) ถ้ารับรองจะผ่าตัดให้ในคืนนี้ นายท้วนเกลียดลูกชายเขาเกเร จะไปรับรองให้ตอนสว่าง ตกกลางคืนเลือดคั่งท้อง (ในท้อง) ตายเลย อยู่ต่อมาไม่ถึง 7 วัน บริเวณเดียวกันนายท้วนขี่รถจักรยานยนต์ไปธุระ จะยูเทิร์น พอขี่รถออกไปจะยูเทิร์นได้ 1-2 วา รถไม่วิ่งเฉย ๆ เลย 10 ล้อวิ่งมาฝ่าไฟแดง ชนรถจักรยานยนต์ของนายท้วน คนสลบไปไม่ตาย เขาคล้องแหวกม่านกรุ 1 องค์ มีคนลงความเห็นว่า วิญญาณ ส.ต.อ.วินัย ลูกชายเคืองพ่อ เลยมาดึงรถให้ 10 ล้อชน

เรื่องสมเด็จหลังรูป 1 นี้ ปั้มหรือพิมพ์ (ทำ) 2 ครั้ง สวยคล้ายกัน ทำครั้ง 2 แม่พิมพ์เคริก (ขยาย) เล็กน้อยที่พบก็ครั้ง 2 นี่แหละพบมาก คือ เขาจะขายเป็นครั้ง 1 เขาเก่งจริง เก่งแบบหลวงพ่อ หลวงพ่อพูดว่า “เก่ง” แต่ถ้าจะเอาประกวดกันต้องครั้ง 1 (พิมพ์เล็กนิยม)

ทางวัดของหลวงพ่อก็สร้างเรื่อย ปัจจุบันวัดหนองเฒ่า อ.นักรบสร้างไว้ (63) เป็นแหวกม่านหลังรูป, และปรกโพธิ์หลังรูป โรยเกศาทั้ง 2 แบบ แกะแม่พิมพ์ไม่สวยนัก แต่ทำมือและศิษย์ชอบตรงโรยเกศา อ.ท่านชอบเพชร พลอย ได้โรยเพชร พลอย ด้วย รุ่นนี้ นิยมสุดตอนนี้ ติดต่อทำบุญที่ท่าน โทร. 085-273-5515 ถ้าติดต่อทำบุญไม่ได้ ค่อยติดต่อมาที่ผู้เขียนมูลนิธิเล่ม 2 (บูชาองค์ละ 500 บาท)

หลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้ว มีศิษย์คนหนึ่งได้ดูแลวิหาร (ศาลา) สรีระของหลวงพ่อ เขาได้พิมพ์พระสมเด็จหลังรูป พิมพ์ไว้ใช้ ผู้เขียนเก็บรักษาไว้ 2-3 องค์ พระไม่สวยแตกลายงา ทำจากเนื้อ, หนัง, เกศา, เล็บ, ขนคิ้ว, ขนตา, ผงสมเด็จโต ผงหลวงพ่อ (พบแค่ 3 องค์) ที่ไม่ได้ทำเป็นพระพบ 2 องค์ รูปไข่โตกว่าเหรียญ 1 องค์ อีกอันทำแบบใบโพธิ์ ขนาดเหรียญ เป็นเนื้อ, หนัง, ไขมัน, เกศา, เล็บ, ขนฯ 2 อันท้ายนี้ ผู้เขียนกับลูกบูชาอยู่ โปรดอย่าถาม มีแค่นี้ เนื้อสีดำน่ากลัว คาถาใช้บูชาสมเด็จหลังรูป คือ “พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ ยา นะ อิ ติ นะ อัด ทัง ปิด”
ปล. พระที่พบ 3 องค์ เป็นพิมพ์ใหญ่

ที่มา: เฒ่า สุพรรณ
(อ.สมจิตต์ เทียนจันทร์)
56 หมู่ 5 บ้านปากน้ำ ต.ปากน้ำ
อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 72120
โทร. 081-943-7368

ไบรท์ สิงห์บุรี

bright singburi

[พื้นที่โฆษณา] ไบรท์ สิงห์บุรี รับเช่า-รับจัดหาพระเครื่อง หลวงพ่อกวย ทันยุค-ย้อนยุคยอดนิยม 098-527-2777

เอสบีฟอนต์

sb-font

จำหน่ายฟอนต์ไทย สไตล์เอสบีฟอนต์ ลิขสิทธิ์การออกแบบโดย Somboon Jaisupa โทร. 094-783-9020

Font was

was font

ฟอนต์วัสโวยวาย จำหน่ายฟอนต์ให้แก่ งานโฆษณาทุกชนิด ทั้ง ป้าย เสื้อสกรีน และ สติกเกอร์ แยกตลาดนางบวช สุพรรณบุรี โทร 082 295 2537