Luang-Por-Guay-010

หนุมาน
(เครื่องรางของขลัง ตอน 3 หนุมานพญาพระกาฬ)

อมหนุมาน แสนค้อน กู บ่อมิหัก แสนหอกปักกู บ่อมิเข้า อม มะ คงคง มหาคงคง คงส วาหะคง เพชรชะกรีคง...

คาถาท่อนบนนี้ เป็นคาถาสักรุ่น 1 สำหรับคนที่สักหนุมานกับหลวงพ่อ คาถาบทนี้ ใช้เสกเหล้าเสกน้ำตาล (เมา) กิน จะอยู่คง 1 วัน 1 คืน ต่อไปผู้เขียนจะขอกล่าวกำเนิดถึงพญาหนุมานผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นอมตะ ผู้ไม่ตาย เขาคือพญาพระกาฬ (เจ้าแห่งวานร)

หนุมานตำนานของไทย ถือกำเนิดตอนพระนารายณ์อวตาร เป็นพระราม เพื่อมาปราบทศกัณฐ์ กำเนิดจากพระอิศวร คิดสร้างทหารเอกให้พระราม โดยมอบเทพศาสตรา 3 อย่าง พร้อมกำลังของพระอิศวรบางส่วน ให้พระพายนำเทพศาสตรา 3 อย่าง ซัดใส่ปากนางสวาหะ (เทพศาสตรา 3 อย่าง คือ จักรเพชร, ตรีเพชร, คทาเพชร) นางสวาหะจึงตั้งท้อง ออกลูก ออกมาเป็นหนุมาน (มีพ่อเป็นพระพาย มีแม่ชื่อสวาหะ นางสวาหะ ตั้งท้องอยู่ 30 เดือน หนุมานเกิดวันอังคารเดือน 3 ปีขาล เกิดมาแล้วโตเท่าคนอายุ 16 ปี มีตุ้มหู (กุณฑล) ขนเพชรและเขี้ยวแก้ว เป็นของวิเศษติดตัวมา สรุปคือหนุมานสร้างขึ้นจากอาวุธ 3 อย่าง หนุมานตำรานี้ (ตำนาน) น่าจะได้รับอิทธิพลจากชวา (อินโดนีเซีย)

ส่วนหนุมานตำนานของอินเดีย (แขก) มีพ่อชื่อเกสสี เป็นพญาวานร มีแม่ชื่อนางอัญชนา เริ่มจากพระศิวะ เตรียมตัวมาช่วยพระนารายณ์อวตาร เป็นพระราม จึงได้อวตาร (แบ่งภาค) มาเกิดเป็นหนุมาน มาเกิดในท้องของนางอัญชนา นางอัญชนา รู้ตัวว่า จะเป็นผู้ให้กำเนิดร่างอวตารของพระศิวะ จึงบำเพ็ญเพียร (ตบะ) อยู่นาน 12 ปี เกิดมาโตเลย มีตุ้มหู, ขนเพชร และเขี้ยวแก้ว

หนุมานนี้ไม่ตาย มีร่างเป็นอมตะ แม้พระรามตายไปแล้ว พระนารายณ์อวตารเป็นพระกฤษณะ หนุมานก็ยังอยู่ อยู่จนถึงสมัยภารตะยุทธ พวกปาณฑพ รบกันก็ยังอยู่ โดยประจำที่รถศึกของอรชุน (ประจำสถิตอยู่ที่ธงรบ) เล่ากันว่าหนุมานยังคงอยู่ถึงช่วงกลียุค (ยุคปัจจุบัน) กลียุคนี้ จะอยู่ในสถานที่ 5 อย่างคือ

1. สถานที่ที่มีการพนัน
2. สถานที่ที่มีการเสพสุราเมรัย
3. สถานที่ที่มีการขายเรือนร่าง
4. สถานที่ที่ไร้กฎเกณฑ์
5. สถานที่ที่มีทองคำ

เล่ากันว่า แม้ปัจจุบันหนุมานก็ยังอยู่ ที่อินเดียจะมีวัดเกี่ยวกับหนุมาน คือมีวัดที่มีลูกหลานของหนุมานอาศัยอยู่ เช่น ลิงวอก, ลิงสแมฯ แม้วัดในอินเดียยังมีชื่อวัดหนุมาน วัดที่หนุมานไปเก็บยา ก็มีลูกหลานของหนุมานอยู่ แม้ในไทย ตามกู่เก่าของพระนารายณ์ เช่น พระปรางค์ 3 ยอด ลพบุรี ก็มีลูกหลานของหนุมานอยู่ แม้ที่วัดของหลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาว ที่มีกู่ (ปรางค์) เก่าของพระนารายณ์ ก็มีลูกหลานของหนุมานอยู่ มีมากเป็นหมื่น ๆ ตัว ประกอบกับหลวงพ่อเฒ่า ใช้ยันต์และคาถาของพระนารายณ์ คือคาถาและยันต์มนต์พระกาฬ เขาจะดูแลลูกหลานของหนุมาน

หลวงพ่อกวย ก็สืบทอดวิชา คาถาและยันต์ของสำนักหลวงพ่อเฒ่า รื้อค้นตำราเก่าของหลวงพ่อเฒ่า สืบวิชาจากหลวงพ่อสอน เจ้าอาวาสองค์ต่อมา เจ้าอาวาสองค์ต่อมาชื่ออาจารย์ดิษฐ์ ก็นับถือหลวงพ่อกวย เป็นอาจารย์ ทั้ง 2 องค์นี้ รักและชอบพอกับหลวงพ่อกวยมาก ได้ยกตำราของหลวงพ่อเฒ่าให้มาหลายเล่ม เขียนจากกระดาษสา (เดิมเป็นกระดาษสมุด) ใช้จดเรื่องราวต่าง ๆ ยาวหลายวา หลายเล่ม สีแดงคล้ายเลือด เขียนหน้าปกว่าครูแรง หลวงพ่อเรียนคาถาและยันต์ จากสำนักนี้ โดยเฉพาะยันต์และคาถาเกี่ยวกับหนุมาน หลวงพ่อนำยันต์และคาถา มาผสมผสานกับยันต์และคาถา สำนักหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา โดยสืบทอดวิชาจากครูรุน, ครูเพ็ง และอาจารย์แหล่ม วัดท่าช้าง (สิงห์บุรี) โดยใช้คาถาหินเบาปลุกเสก วัตถุมงคลทุกแบบ คาถาเป็นของอิสลามที่เรียกว่า 9 เฮ หลวงพ่อเขียนชื่อวัดผิด โดยเขียนว่า หลวงพ่อกลั่น วัดทะยาน (พระญาติ) เมื่อได้เสกด้วยคาถาหินเบา ยันต์และรูปหนุมานของหลวงพ่อ จึงเข้มขลัง ทางต้านอาวุธได้สูง ศิษย์ที่สักยันต์จากหลวงพ่อจึงเข้มขลัง เหนียวมาก ถ้าสักยันต์หนุมาน (รูปหนุมาน) บางคนได้สักเป็นรูปยันต์ ถึงกับยิงไม่ออก ต่อมาหลวงพ่อได้สร้างรูปหนุมานด้วย ไม้แกะ (ไม้แก่นสีดำ) เป็นแบบหนุมานไม่ทรงเครื่อง คือแกะง่าย ๆ แต่สวย ที่แกะสวยคือแกะจากงาและเขา แต่ทำน้อยแกะทรงเครื่อง นั่งชันเข่า เอามือพาดเข่า แต่ทำน้อย หายาก คนเลยนำไปขายเป็นหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2512-15 หลวงพ่อได้สร้างหนุมานจากทองเหลือง ทองแดง เรียกว่าสำริดก็ได้ ลงหินก็ได้ คือเนื้อทองแดงผสมทองเหลือง หล่อแบบนั่งสมาธิ สร้างจำนวนองค์ไม่แน่ชัด น่าจะ 1,000-2,000 องค์ พ.ศ. ก็ พ.ศ. 2512 หรือ 2515 เสกประมาณ 5 ปี คือ พ.ศ. 2517 ผู้เขียนไปวัดกับอาจารย์เหวียน มณีนัย ได้พบในตู้ (ตู้พิพิธภัณฑ์) 2 องค์ กรรมการหยิบออกมาให้รู้ว่า หลวงพ่อมีหนุมานจำหน่าย ถ้าสนใจก็ถามหรือขอบูชาจากหลวงพ่อ (หลวงพ่อไม่นำวัตถุมงคลมาวางจำหน่ายในตู้ แบบวัดทั่วไป ในตู้ก็มีไม้เท้า, ดาบ, ลูกปืน (เครื่องบิน), เต่า 2 ตัว ท้องติดกันดองไว้, กระดูกผี, แร่ฯ ในตู้มีดินน้ำมันรูปสมเด็จหลังรูป รุ่นแรกตัวอย่าง 1 องค์, รูปหนุมาน 2 องค์ฯ) ให้จำหน่ายสมัยนั้น 50 บาท ถือว่าแพง ใต้ฐานบรรจุกริ่ง ปาดเรียบแน่นหนา โดยมากจะจารใต้ฐานด้วยนะ หนุมาน อมพลับพลา นะนี้ถ้าท่านลงกระหม่อม หรือยันต์ให้ใคร สู้กับใคร ไม่มีการแพ้ ถ้าตั้งใจสู้ อย่างเลวคือเสมอ นะตัวนี้รูปร่างคล้ายแว่นตาของคน หลวงพ่อสร้างจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ คือตะกรุด, ชนวนลงยันต์และเสก, ดาบ, พร้า, มีด, 3 ง่ามทองเหลือง (ได้จากนายชิ่น แซ่โอ 1 อัน, เจ็กฉัน (นายฉัน) 1 อัน, นายแป๊ะเล็ก คนหัวเด่น 1 อัน) คือหนุมานนี้ ถ้าจะสร้างให้ถูกต้องตามตำรา ต้องสร้างจากโลหะ (อาวุธ) หนุมานรูปนี้ ผู้รู้ได้เขียนเป็นกลอนไว้ว่า

• นี้คือรูปขุนกระบี่ มีศักดา
ฤทธิ์แรงแข็งกล้า ชาญสมร
ปางพระราม รบราพย์ ราญรอน
คือวานรหนุมาน หาญณรงค์ ๛

คือ หลวงพ่อสร้างหนุมาน ปางรบกับไมยราพย์ ไมยราพย์ได้พรมาเข้าใจว่า ได้จากพระอินทร์ ใครสู้ด้วยต้องแพ้ ไมยราพย์สามารถสะกด ให้หลับไหล เมื่อหลับก็จะแพ้ ถูกไมยราพย์ฆ่าตาย ไมยราพย์ตั้งใจมาฆ่า พระราม และกองทัพ หนุมานได้แปลงร่างเป็นพลับพลานำพระราม, พระลักษณ์ ทหารคนสำคัญให้เข้าไปอยู่ในพลับพลา ไมยราพย์มา หวังจะฆ่าพระราม แต่หาไปพบ พบแต่พลับพลา รูปลิงหมอบอยู่ งานนี้ถือว่าเสมอกัน (ภายหลังหลวงพ่อได้ใช้ยันต์หนุมานยกพล (ยกธงรบ) ใส่ให้ไว้ที่หลังเหรียญรุ่น 3 ที่เรียกว่าเหรียญหนุมาน เหรียญรุ่นนี้ถือว่าเก่งมาก เล่นหากันแซงเหรียญรุ่น 2 ราคาแพงเป็นแสนบาท แสนต้น ๆ และเก่งจริง ต้านปืนเอ็ม 16 ได้, ต้านอาร์ก้าได้, ต้านระเบิดได้, จะกล่าวถึงในตอนต่อไป ปี 2562 ผู้เขียนคิดสร้างเหรียญหลังหนุมานย้อนยุค ไว้แจกผ้าป่า จะได้แบ่งปันกันบูชาได้)

คาถาเกี่ยวกับวิชาหนุมานนั้นมีมาก แต่ตีพิมพ์ครั้งใด คาถาคอยจะพิมพ์ผิด แทบทุกครั้ง โดยเฉพาะคาถายาว ๆ ผู้เขียนขอบันทึกคาถาไว้ด้วยความเคารพ คาถานี้ถอดจากลายมือ ของหลวงพ่อ ได้มาโดยตรงทั้งหมด รวบรวมให้ในคาถาเล่ม 1 หลวงพ่อสักให้ศิษย์ถึง 4 รุ่น 3 รุ่นหลวงพ่อจดคาถาให้ รุ่นที่ 4 คาถาใช้พิมพ์เป็นใบเล็ก ๆ ใหญ่กว่านามบัตร คาถานี้ใช้ประกอบกับหนุมานไม้แกะ (สีดำ), หนุมานเขาแกะหนุมานงาแกะ (เขาและงาทำน้อยมาก ไม้แกะสีดำก็ทำน้อย) หนุมานลอยองค์และเหรียญหนุมาน

- คาถาท่อนบน ใช้เสกเหล้า เสกน้ำตาลเมากิน อาพัด (เสก) เหล้า อีกบทหนึ่ง เป็นหินเบา บทสั้น ว่าดังนี้
• อม กึก กัก ตึก ตัก หินผาหักมั่นอยู่ในหัวกู ตัวกูคือกำแพง หัวกูแข็งคือหินทอง อมมะจักกิจ จักกะพาน สวาหะ อิสะวาอุ อะระหัง ภะคะวาฯ ๛

ถ้าจะเสกเหล้า เสกน้ำตาลกิน ถ้าสักรูปหนุมาน, รูปหล่อหนุมาน, เหรียญหนุมานจะต้องนำเหล้าเสก มาลูบที่รูปหนุมาน คือให้หนุมานกินก่อน (คาถาหน้า 39, 40, 41 เล่ม 1) บทนี้หลวงพ่อให้ไว้ เป็นคาถาสักให้ศิษย์รุ่น 4

คาถาเสกฝุ่นประกอบ (ใช้หนี) คาถาว่าดังนี้
• อม ผง เผ่า เถ้าธุรี คงกระพันชาตรี สะวาหะ หะนุมานะ คลุกคลี ตี มะ อะ ๛

คัดจากลายมือของหลวงพ่อ (เขียนตามหลวงพ่อ) ใช้เสกฝุ่นประกอบ โรยหัว ทาตัว เวลาคับขัน (หนี) เป็นคาถารุ่น 1 หลวงพ่อเขียนว่า “มีอิทธิฤทธิ์และอิทธิพลมาก รุ่นที่ 1” คาถาท่อนแรก (บนสุด) ก็เป็นคาถาสักรุ่น 1 เช่นกัน

คาถาเสกน้ำอาบ เสกน้ำล้างหน้า คาถาว่าดังนี้
• อม หะนุมาน เธอให้กูแปลง ขวน ขวาน กะ เหยิน กู จะ แผลง ทั้ง พะ เนิน เกาะ ตี กู บ่อ มิ ต้อง แสงดาบ คาบซ่อง ยิงฟันกู ก็บ่อมิเข้า กูชื่อเจ้าเกาะหัวระมาร อม คะไชยะ คะไชยะ ฤาษีเจ้า ประสิทธิ์ให้แก่กับกู อม สิทธิ สะวาหะ ๛

คาถาบทนี้ใช้เสกน้ำอาบ สำหรับคนที่ไปในที่ต่ำมา (ซ่อง) หรือหลับนอนกับเมีย (ทำลูก) ตอนเช้าต้องเสกน้ำอาบโดยเฉพาะศิษย์สัก (เจ้าเกาะหัวระมาร คือหนุมาน) และใช้เสกน้ำล้างหน้าทุกเช้าจะดี สำหรับคนที่สักยันต์ ถ้าทำไม่ดีมาควรใช้คาถานี้ ทำน้ำมนต์อาบ อาบเสร็จ ว่าคาถาปลุกยันต์อีกครั้ง เป็นคาถาสักรุ่น 2 หน้า 40 ยันต์และรูปหนุมาน จะคงขลังเหมือนเดิม

ส่วนคาถาที่หลวงพ่อใช้เสก (ปลุก) หนุมาน เป็นรูปหล่อหรือยันต์รูปหนุมาน คาถาปลุกอยู่หน้า 41 เล่ม 1 เป็นคาถาสักยันต์รุ่นที่ 3 คาถาขึ้นต้นด้วย
• หะ นุ มา นะ หุ นะ หะ นุ กิ ริ มิ ทิ -...

ส่วนคาถาเสกข้าว ให้อยู่คง เสก 1 ก้อน (1 ช้อน) กินทุกวัน ในคาถาสัก รุ่น 1 หลวงพ่อให้ใช้คาถากระทู้ 7 แขก เสกกิน คาถาว่าดังนี้
• อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา อิ ๛

สำหรับคาถาเกี่ยวกับหนุมาน คงต้องพอแค่นี้ คัดมาแต่บทที่จำเป็น ต่อไปจะขอบันทึกถึงคุณวิเศษ และอภินิหารย์ของหนุมานลอยองค์เอาไว้ ถ้าพูดว่าดีก็ไม่รู้ว่าดีอย่างไร ถ้าพูดว่าเก่งก็ไม่รู้ว่าเก่งอย่างไร จะกินเก่ง, นอนเก่ง หรือเที่ยวเก่งก็ไม่รู้

การเสก หลวงพ่อจะเสกด้วยคาถาหนุมาน คาถาหัวใจพาลี “หันตะนุภา” หัวใจพาลีนี้ ใครสู้ด้วยกำลังคู่ต้อสู้จะลดลงกึ่งหนึ่ง เสกด้วยหัวใจลิงลม คือ “ยุวาพะวา” คาถานี้ภาวนาตีไม่แตก ไม่เจ็บ เป็นคาถาของลูกทาสสมัย ร. 5 เสกด้วยคาถานี้ รวมกัน ปลุกด้วยคาถาเสกหนุมาน หนุมานของหลวงพ่อจึงเก่ง หลวงพ่อเคยสักให้ศิษย์ถึง 84,000 คน โดยเฉพาะหนุมานเชิญธง (ยกพล) หลวงพ่อชอบมากเชี่ยวชาญและแตกฉานในวิชาหนุมานมาก

เรื่องแรก เรื่องที่ 1
จะขอบันทึกคาถาที่ใช้ประกอบในการสักและสร้าง (เสก) หนุมาน บันทึกว่า นี่ขนาดคาถาและยันต์ยังขลังขนาดนี้

อาจารย์แพ่ง หรือหลวงตาแพ่ง เคยบวชอยู่วัดหัวเด่น เล่าว่าสมัยหนุ่ม ๆ เคยสักหนุมานกับหลวงพ่อ หลวงพ่อสักให้เองเลย เมื่อสักเสร็จหลวงพ่อได้พูดชมว่า หนุมานของเขา สวยมากเลย โดยพูดว่า “หนุมานของมึงตัวนี้สวยจังเลย” ครั้งหนึ่งนายแพ่ง ได้คัดเลือกเป็นทหาร สังกัดค่ายลพบุรี ครั้งหนึ่งเขาให้หยุดพัก เข้าใจว่าเสาร์ - อาทิตย์ แต่พอจะกลับค่าย แต่งชุดทหารแล้วคือตอนนั้นนายแพ่งมีเมียแล้ว เมียสาวด้วย เพิ่งพามาก่อนเป็นทหารเล็กน้อยเมียไม่อยากให้กลับกรม เลยเอาน้ำสาดพลทหารแพ่ง ขณะแต่งชุดพลทหารเลยไปไม่ได้ ต้องคอยเอาเสื้อผ้าตากให้แห้งเสียก่อน เมื่อกลับกรมที่ลพบุรีทำให้เขาขาดราชการไป 2 วัน เมื่อไปรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชาไม่เข้าใจไม่เห็นใจ ได้สั่งจำคุก 5 วัน ขณะจะตีตรวน พลทหารแพ่งถอดเสื้อออกจ่าที่ตีตรวนเหลือบไปเห็นรอยสักหนุมานที่สีข้าง พลทหารแพ่ง ด้วยอำนาจมนต์ ทำให้จ่าหลงใหลในรอยสักรูป หนุมาน เขาได้ถามว่า อาจารย์อะไรสักให้ สวยจังเลย พาเขาไปสักได้หรือไม่ พลทหารแพ่งตอบว่าได้ จ่าคนตีตรวนได้ปรึกษาผู้กอง และทหารด้วยกัน ตกลงไม่ตีตรวน แต่ให้พาทหารจากลพบุรีมาสัก 1 คันรถ 10 ล้อ เรื่องรูปหนุมานนี้ของหลวงพ่อเขาสวยมาก โดยเฉพาะหนุมานแนวหน้าทัพหนึ่ง, รูปเสือยืน, เสือหมอบ ยิ่งสวยมาก สวยและน่าเกรงขาม ขนาดดวงตาเหมือนมีวิญญาณ

ในอักขระแถวล่างสุดของลายสักหนุมานของหลวงพ่อกวย เป็นคาถา 16 ตัว เรียกว่า คาถาพญาปลาไหลเผือก บทนี้เป็นบทในตำราพิชัยสงคราม ข้อที่ 13 ข้อสุดท้าย ถ้าสู้ไม่ได้ให้หนี คาถาบทนี้คือ “อะ ยา เวย ยะ” คาถานี้เฉพาะหัวใจปลาไหลเผือก ภาวนาจับไม่อยู่ คือ “อะ ยา เวย ยะ” ใช้แค่ 4 ตัวนี้ก็ใช้ได้ แดงตาไฟ น้องชายเสือชู สว่างศรี ใช้ประจำ ภาวนาจับตัวไม่อยู่ ใครก็จับไม่อยู่ ภาวนาชกมวยดีสมัยหนุ่ม ๆ แดง ตาไฟ บ้านเดิมอยู่บ้านคู อ.บางระจัน ไปเที่ยวงานวัดห้วยเจริญสุข (วัดหลวงพ่อเจ้ย) ไปกับแม่ กินเหล้าในงานวัดมาด้วย ขากลับดึกมาก อาจเป็นตี 1 เมามาด้วยมากับแม่ เดินผ่านสระน้ำ จวนจะถึงบ้านอยู่แล้ว นึกอย่างไรไม่รู้ หรือของจะขึ้น ทำนองนั้นนายแดง ได้โดดลงสระน้ำแล้วจมหายไปเลย แม่ได้ร้องเรียกให้คนช่วยโดยไม่ละสายตา คนมาช่วยกันหลายคน งมหาเท่าไรก็ไม่เจอ สระน้ำก็ไม่ใหญ่เท่าไร แต่ลึกงมหาเท่าไรก็ไม่เจอ แม่ถึงกับร้องไห้ ค่อนสว่างมีคนเจอแดง ตาไฟ นอนหมดสติห่างจากสระน้ำตก 50 เมตร นอนติดกองแกลบ (ขี้ลีบ) อยู่เขาว่าปลาไหลเผือก หรือปลาไหล จะแพ้แกลบ เขาไปได้อย่างไร ไปด้วยฤทธิ์ ไปโผล่ห่างจากสระไกลตก 50 เมตร แดง ตาไฟ นี้ ถ้าเมาเข้าไป บางครั้งนอนขวางทางเลย (ขวางถนน) คนขี่รถมาจะเห็นเป็นงูเหลือม นอนขวางถนนอยู่ไม่มีใครเหยียบเขาเลย ตอนเริ่มมีอายุเขาจะทำประจำ (งูกับปลาไหล รูปร่างคล้ายกัน)

อักขระแถวบน ของหนุมานของหลวงพ่อ หลวงพ่อล้อมด้วยคาถาหัวใจโจรคือ “กันหะเนหะ” คาถานี้อาจารย์โบราณใช้ลงที่ปลัด ใช้สะกดศัตรูคู่ต่อสู้รวมถึงโจรด้วย (กันอาจสะกดด้วยนอหนูหรือ น-เณร ก็ได้) ผู้เขียนเคยใช้ ขณะจะโดนจี้-ปล้นรถจักรยานยนต์ เคยโดนจี้-ปล้น 2-3 ครั้ง ครั้งหนึ่งอยู่ในวัดหนองปลาดุก ผู้เขียนใช้คาถานี้และอ้างตัวว่าเป็นหลานเสือฉาว เลยรอดมาได้ นายเผชิญ คนบ้านคู อ.บางระจัน เขตติดต่อวัดของหลวงพ่อเขาเป็นเขยคนเล็กสุด สุภาพ เขยกลางก็นักเลงชื่อเบิ้ม เขยใหญ่ชื่อใหญ่ (โต) มีนิสัยนักเลงตามถิ่นที่อยู่ วันหนึ่งเขยใหญ่ไล่ปล้ำน้องเมีย แต่ไม่สำเร็จ น้องเมียได้มาขออาศัยใบบุญจากนายเผชิญ เขยคนเล็ก เขยใหญ่ทนคิดถึงน้องเมียไม่ไหว ได้มาตามตอนกลางคืน นายเผชิญศิษย์ของหลวงพ่อก็คืนให้ เขาไปแต่โดยดี โดยเดินไปส่ง เขยใหญ่เดินนำหน้า คล้องพระเต็มคอ ตก 50 องค์ พกปืนมา 2 กระบอก คิดว่าถ้านายเผชิญไม่คืนน้องเมียให้ ก็จะฆ่าเสีย ระหว่างทาง นายเผชิญได้ว่าคาถาคัดพระบทของหลวงพ่อคือ “คัด ชะ อะ มุมหิ...” และว่าคาถาหัวใจโจร คือ “กัน หะเนหะ” เพื่อสะกดเขยใหญ่ เรียกเขยใหญ่ว่า ไอ้โตชักปืน นายโตหรือใหญ่ตกใจ ด้วยอำนาจมนต์ ยังไม่ทันได้ชักปืน นายเผชิญก็ยิงเสือใหญ่ซะหมดโม่เลย ยิงระยะประชิด ตายตั้งแต่นัดแรก คืนนั้นนายเผชิญได้มากราบหลวงพ่อ เล่าว่า เขาหาว่าผมฆ่าเขาตาย หลวงพ่อช่วยด้วย หลวงพ่อได้รดน้ำมนต์ให้ สั่งว่ารุ่งเช้าให้ไปมอบตัวกับตำรวจ ด้วยอำนาจของน้ำมนต์ของหลวงพ่อ เมื่อนายเผชิญไปมอบตัวกับสารวัตรพร้อมปืน สารวัตรโมโหมาก ได้หยิบปืนของนายเผชิญตบหน้านายเผชิญ 1 ที โดยกล่าวหาว่า รับเงินใครเขามา ถึงจะมารับจ้างติดคุก ตำรวจได้จับตัวนายเบิ้ม (ลูกชายของเสือฉาว) ได้ต่อสู้คดีอยู่นานจึงเอาตัว นายเบิ้มออกมาได้ เรื่องที่เสือโตโดนยิงนี้ เขาว่ามันเป็นกรรมเก่าแต่ชาติก่อน หลวงพ่อจึงช่วยนายเผชิญไว้ได้ ผู้เขียนเจอเขาถามเขาว่า ใช้บทไหนคัดพระของเสือโต เขาบอกใช้บท “คัด ชะอะมุมหิ”. . .

คาถาที่หลวงพ่อล้อมตัวหนุมาน อีก 4 ตัว คือ “ยุวาพะวา” คือคาถาหัวใจลิงลม หลวงพ่อใช้บทนี้ เสกผ้าขอดให้ศิษย์ตีไม่เจ็บเลย หมอเฉลียว เดชมา เห็นกับตา หลวงพ่อเสกผ้าขวั้น ผูกคอให้ศิษย์ ตีศิษย์ชื่อ ไอ้ธน ตีด้วยไม้ ศิษย์ไม่เจ็บเลย อีกคนชื่อเวก หลวงพ่อเสกผ้าขวั้นผูกคอแล้วฟันด้วยขวานหมู ไม่เข้าไม่แตกเลย หลวงพ่อจับมือไว้ ไอ้เวกดิ้นหลุดไปร้องไห้ที่หัวบันได หลวงพ่อเคยบอกผู้เขียน คาถาคือ “ยุ วา พะ วา” อาจารย์เหวียน มณีนัย ใช้คาถา 4 ตัวนี้ เสกภาวนาและถ่ายทอดให้ศิษย์ที่มาเรียนวิชา ผู้เขียนเคยเจอ ที่วัดท่าทอง อาจารย์กับศิษย์ตีกันปางตาย แต่ไม่เจ็บ ไม่แตกเลย คาถาบทนี้เรียนไม่ยากผู้เขียนเคยเจอ จ่าทหารสติแตกลูกชายของนายเพี้ยนโม่ง เรียนคาถากับอาจารย์เหวียน ผลัดกันตีด้วยไม้รวก ตีขนาดไม้รวกแตกคามือ ไม่เป็นอะไรเลย คาถาลิงลมนี้ ใช้เสกน้ำมันทาเท้า จะไม่ขัดยอกเลยเวลาวิ่งแข่ง ผู้เขียนเคยเสกน้ำมันให้ศิษย์ประจำ เวลาแข่งขัน กีฬาสี หรือกีฬาในกลุ่มโรงเรียน คาถาบทนี้ หลวงพ่อเรียกว่า “คาถาหินเบา” ตีไม่แตก ไม่เจ็บเลย

คาถาอีก 4 ตัวที่น่าศึกษาอีก 4 ตัวคือ หัวใจพาลี คาถาว่าดังนี้ “หันตะนุภา” คือพญาพาลีนี้ ได้รับพรมาว่า สู้กับใคร กำลังคู่ต่อสู้จะหายไปกึ่งหนึ่ง (ครึ่งหนึ่ง) ทำให้สู้กับพาลีไม่ได้ หัวใจพาลีนี้ใช้เสกให้น้ำไก่ของเราและคัดไก่คู่ต่อสู้จะดีมาก กีฬาที่สู้กันตัวต่อตัว ใช้คาถาหัวใจพาลีนี้ภาวนา ถ้าถือมั่นกำลังใจเรากล้าแข่ง ฝึกซ้อมมาดี โอกาสชนะมีมาก ผู้เขียนเคยใช้ประจำ สมัยที่ลูกชายของผู้เขียนยังเรียนมัธยม มีเพื่อนของลูกชายอยู่คนหนึ่ง มาขอคำแนะนำ คือเขาจะไปแข่งขันตีปิงปอง เด็กชื่อเลี๊ยบ ลูกครึ่งไทยจีนล่ำมะขามข้อเดียว ผู้เขียนได้ให้คาถาหัวใจพาลีไป เขาไปแข่งขันตีปิงปอง ชนะถึงแข่งระดับเขต ได้ถ้วยระดับเขต คาถานี้ผู้เขียนเคยเสกน้ำมันสมุนไพร น้ำมันเลียงผา ใช้ทาขาให้เด็ก เด็กกำลังใจดี ผู้เขียนเคยเป็นโค๊ทกีฑาระดับโรงเรียน ใช้คาถานี้กับตำราพิชัยสงครามของซุนวู่ นักกีฬามี 6 รุ่น ชาย-หญิง ถ้วย 12 ใบ ถ้วยกองเชียร 1 ใบ เด็กที่ผู้เขียนเป็นโค๊ท สามารถคว้าถ้วยไว้ได้ตก 7-8 ใบ เหตุการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ ตก 10 ปี แกล้งชาวบ้านเขาเล่นให้เขาเกลียดขี้หน้า เมื่อเหตุการณ์ผ่านมา ถึงได้รู้ว่าทำไม่ถูก แต่เขาก็ปิดบังชื่อของผู้เขียน ผู้เขียนไม่เคยเป็นโค๊ทระดับอำเภอหรือจังหวัดเลย

เรื่องที่ 2 ต่อไปผู้เขียนจะขอกล่าวถึงอภินิหารย์ของหนุมานของหลวงพ่อ หนุมานลอยองค์ของหลวงพ่อ มีเนื้อเดียวคือฝาบาตร (ทองเหลืองผสมทองแดง แต่เนื้อกระแสออกทองเหลือง) มีส่วนผสมของอาวุธ 3 อย่างจริง คือ พระขรรค์, หอกสำริด และกริชทองแดง ซึ่งตามตำรากล่าวว่า หนุมานจะให้ดุมีฤทธิ์ ต้องสร้างจากศาตราวุธจะเป็น หอก, ดาบ, แหลน, หลาว ก็ได้ ดาบเพชฌฆาตก็ได้ จึงจะดีทางฤทธิ์ หลวงพ่อแตกฉานการสร้างหนุมาน, การเสก, การสัก หลวงพ่อชำนาญรู้ละเอียดทุกอย่าง ในอดีตพระที่สร้างหนุมาน ที่เก่ง, โด่งดัง ก็มีหลวงพ่อกุน วัดพระนอน เพชรบุรี, หลวงพ่อดิ่ง, หลวงปู่สุ่น วัดศาลากุล ก็เก่ง ว่าจะบันทึกอภินิหารย์ของหนุมานลอยองค์ จะขอยกตัวอย่างของคนที่สักหนุมานจากหลวงพ่อ สัก 1 เรื่องเพื่อเกริ่นกล่าวเอาไว้

มีศิษย์สักของหลวงพ่ออยู่คนหนึ่งชื่อ เมือง มั่นปาน เป็นคนหัวเด่น-บ้านแค เป็นเพื่อนเขยกับลุงเนียม บ้านอยู่หน้าวัดของหลวงพ่อ ลุงเมืองฐานะไม่ดีนัก แถมยุคสมัยนั้น แกสูบฝิ่นด้วย เลยทำให้ฐานะยากจนกว่าเก่าไปอีก หลวงพ่อเมตตาสักหนุมานให้ 1 ตัว ลุงความที่เกรงใจหลวงพ่อ เขาไม่กล้ามาขอให้หลวงพ่อสักให้อีกเลย มาหาก็มาด้วยความเคารพ คลานมากราบ หลวงพ่อว่ากล่าวตักเตือนเขาก็นิ่ง ไม่มองหน้า ไม่เถียง เขาเคารพหลวงพ่อยิ่งกว่าบิดา ความจนและติดฝิ่น ทำให้ลุงต้องมามีอาชีพลักขโมย งานก็หายากในสรรคบุรี (บ้านแค-หัวเด่น แล้งมากทำนาน้ำฝนปีละ 1 ครั้ง) ที่พอจะอยู่ได้คือเลี้ยงหมู ผักบุ้ง, หยวก (ต้นกล้วย) ก็หายาก ต้องอาศัยขึ้นต้นตาลเอาน้ำตาลมาทำน้ำตาลปึก เอาไปขายจึงพออยู่ได้ ลุงเมืองไปลักปลาในตุ้มดักปลา (เหลาด้วยไม้ถักด้วยเชือก) ปลาที่เข้าตุ้มดักมาเป็นปลาดุก ต้องเอาอาหารไปล่อ ปลาจึงเข้า สมัยก่อนนั้นปลา, สัตว์หากินง่ายแต่มีมากเลยราคาต่ำ ตุ้มนี้ใหญ่เท่า ๆ ถังน้ำมัน 200 ลิตร บ่อดักปลาโบราณก็ใหญ่มากคนแต่ก่อนตัวโตแข็งแรงไปกู้บ่อดักปลา ใช้ตะข้องใส่ ตะข้องใหญ่ขนาดใส่ปลาได้ 50-60 กิโลกรัม ต้องใช้ถึง 2-3 ตะข้องมีไม้หาม (หาบ) เอามา บ่อดักปลาจะได้มาทุก ๆ วัน แต่ตุ้มต้องคอยถึง 5-6 วัน ปลาจึงเต็มตุ้มวิธีดักต้องตั้งตุ้ม ให้เว้นอากาศหายใจด้วย เวลากู้ต้องหาม (หาบ) ใช้คนที่แข็งแรงหามหัวหามท้าย 2 คน บางคนไปกู้ตุ้มใส่ผ้าขาวม้าลงไปบางคนก็แก้ผ้าออกหมด ความดีใจ หาบปลากลับบ้านไม่ได้นุ่งผ้า ยังเคยมี กู้ตุ้มตอนค่อนสว่าง นายเมืองมักจะไปลักปลาในตุ้มดักปลาของชาวบ้านประจำ เคยโดนยิงขณะลักปลาของเขา 10 กว่าครั้งไม่ถูก ที่ถูกก็ไม่เข้าลูกปืนโดนที่หัว ลูกปืนกระเด็นเหมือนแฉลบ แล้วเขาก็ดำน้ำหนีไป มีคนมาบอกว่า ลุงเมืองโดนยิงตาย เขามาบอกหลวงพ่อ เพราะหายไปเลย คงจมน้ำตาย หลวงพ่อกลับพูดว่า ไอ้เมืองกูสักหนุมานให้มัน มันไม่ตายแค่ลูกปืนแค่นั้นหลอกว๊ะ แล้วไม่นานลุงเมืองก็โผล่ ครั้งหนึ่งโดนผู้กองเจิม แห่ง สน.สรรคบุรี ได้มีคำสั่งจับตาย ต่อลุงเมือง ได้มาดักซุ่มยิงลุงเมือง โดยได้ปรึกษากับผู้รู้ว่า คนที่คงกระพันชาตรี ถ้ายิงโดนตรงข้อเท้า จะเข้าทุกคน ถ้าเหนียวไม่ถึงชาตรี (คงยั้นกระดูก) กระดูกข้อเท้าก็จะหัก เขาปรึกษาอาจารย์อีกหลายองค์ ได้ลงอาวุธปืนและลูกปืนให้ ปรากฏว่า คราวนี้ยิงลุงเมืองออกโดนตรงข้อเท้า ยิงด้วยปืนยาว ลุงเมืองเจ็บพอสมควรได้คลานหนีรอดไปได้ ลุงเมืองคนนี้เป็นยอดคนคนหนึ่ง ผมเคยเจอเขาได้ถามว่า จะขอลองยิงด้วยปืนพก .38 ได้ไหม ลุงพูดว่าได้ แต่ต้องยิงห่างหน่อย ถ้าถูกก็จะไม่ค่อยเจ็บ แต่ถ้ายิงประชิดจะเจ็บ และถ้าเจ็บจะลืมตัวถ้ามีมีดเดี๋ยวฟันคนยิงเอาได้ ผมลองใจดูเฉย ๆ ไม่กล้ายิงรุ่นพี่ศิษย์พ่อเดียวกันหลอก ที่ตัวลุงเมือง มีหลักฐานของลูกปืนแทบทุกแบบ เอ็ม 16, อาร์ก้า, ลูกซอง 9 เม็ด, ลูกโดด .38, แมดกาซีนฯ ถ้าเจอเขา ขอดูรอยลูกปืนได้ ทั้งลำตัว, ขา, ศีรษะ ถ้าจะขอลองก็ขอเป็นปืนชนิดเล็ก .22 , .38 ก็พอ แต่เขาจะหาตัวยากสักหน่อยไม่ชอบพบใคร โดยเฉพาะคนแปลกหน้า คือระแวง

เรื่องรอยสักนี้ ยันต์สัก, ตำราสักยันต์, ตำรายันต์ ผู้เขียนถ้ามีโอกาสจะเขียนถึงตำรายันต์ของหลวงพ่อสัก 1 ครั้ง ได้ทำเป็นเล่มไว้ มีตำรายันต์ตะกรุดคู่ชีวิต ปืนไม่ได้กินเลย ถ้าเขียนเป็นเสกเป็นยันต์ที่ลงตรงกระดูกหน้าอก ถ้าใครจะยิงต้องชักปืนถึง 3 ครั้งจึงจะตัดใจได้ ยิงหรือไม่ยิงเฉย ๆ โดยเฉพาะผู้เขียนคือเห็นว่า เป็นพ่อเดียวกัน อาจารย์ผ่องเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออยู่วัดท่าทอง ตำบลปากน้ำ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงพ่อสักยันต์องค์พระ ที่หลัง เป็นหมอดูที่เก่งมาก ของหายไป ใครเอาไป ซุกซ่อนอยู่ที่ไหน ท่านแตกฉานมาก คนที่เป็นโจร, ขโมยเคืองมากได้มาดักยิงหลาย 10 ครั้ง ยิงอาจารย์ผ่องไม่ออกเลยแม้ครั้งเดียว หลวงพ่อได้ให้คาถายิงไม่ออกและสักให้คาถา 6 ตัว ยันต์นี้ผู้เขียนได้ก๊อปปี้เอาไว้ เรื่องรอยสักนี้ก็ดี ไม่ต้องคล้องพระ ของหลวงพ่อถ้าไปที่ไม่ดี ทำไม่ดี ต่อเพศตรงข้ามสามารถเสกน้ำอาบ แล้วปลุกใหม่ก็จะขลังเหมือนเดิม หลายสิบ หลายร้อยคน ไม่ต้องคล้องพระและลายสัก สามารถพึ่งพาเข้าไปในคุกได้ บางคนจนยากมีพระของหลวงพ่อก็จำหน่ายเสียหมด แต่ลายสักขายไม่ได้ ติดตัวดี คนที่ชอบลายสักต้องคิดให้ดี สัก 100-200 ครั้ง เขาจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต ควรเลือกหาอาจารย์ที่ดีจริง อย่าสักให้โผล่แขนออกมา อย่าสักคอหรือใบหน้า เขาจะมองดูว่า เป็นเสือ, เป็นโจร หรือคิดไปว่าสักในคุก จะหางานทำเขาก็กลัว เป็นเสือ, เป็นโจร เขาก็ไม่กล้ารับ จะทำให้หางานทำยาก สอบเข้ารับราชการเขาก็ไม่รับ ถ้าจะให้ดีให้ลองสักน้ำมันก่อน เรียนจบมีงานทำ ถ้ายังอยากสักอีก ก็แอบสักในที่ลับ เช่นหลัง, อก, ไม่สักคอ, หน้า, แขน จะดูไม่ดี สักที่ศีรษะก็ดี แต่ถ้าผมร่วง จะมองเห็นลอยสักที่น่ารังเกียจที่สุดคือสักหน้า การทำอะไรให้พอเหมาะพอควรจะดี ถ้าทำซะมากไปเขาจะว่า เราบ้า ได้ หรือติดคุกมา

เรื่องที่ 3 หนุมานของหลวงพ่อ อย่างที่ผมพูดไว้ คือ หลวงพ่อก่อนจะปลุกเสก หลวงพ่อได้บอกเล่าถึง 3 โลกว่าบัดนี้ท่านหนุมาน กำลังถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว เป็นคาถาบทที่ 2 ล้อมตัวหนุมานชื่อโองการขนานนาม คาถามี 31 ตัว ขึ้นต้นด้วย “หะนุมานะ” เมื่อบอกกล่าวถึง 3 โลกแล้ว ยันต์ รอยสัก, ผ้ายันต์, รูป, องค์หนุมาน จะมีเทพยาดามาสิงสถิต มารักษา เพียงแต่มีรูปหนุมานเพียงรูปเดียว เพียงแต่คาถา 4 ตัวนี้ สามารถนำไปปลุกเรียกจิตหนุมานที่เรียกกันว่าของขึ้น เรียกจิตของหนุมานนี้ คุณบรรพตแจ้งสมบูรณ์ บ้านอยู่โคราช ฉายา สายล่อฟ้า เคยให้เพื่อนขอยืมเหรียญหนุมานไปใช้ จะทวงถามอย่างไร เพื่อนก็ผัดผ่อนเรื่อยมา พอเพื่อนเมาเข้าไปเผลอพูดออกมาว่า ไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด แม่เห็นแต่ไกล พอไปถึงแม่ถามว่า มึงเอาลิงขาวมาเลี้ยงหรือแล้วไปไหนแล้ว เห็นเอาขี่คอมา ลิงใส่เสื้อผ้าอย่างดีเลยตัวใหญ่ ไม่หนักหรือ เพื่อนคุณบรรพตก็งง นึกขึ้นได้ว่า คล้องเหรียญหนุมานจึงพูดเลี่ยง ๆ ว่าเปล่า พอเพื่อนคุณบรรพตพูดอย่างนั้น คุณบรรพตเลยต้องติดตามทวงคืนให้ได้ เพราะเหรียญที่ให้เพื่อนยืมไปใช้ เขาโดนฟ้าผ่า 5 ครั้ง ไม่เป็นอะไรเลย ตัวเหรียญออกเป็นสีเหลืองเลย บ้านเขาอยู่ในหุบเขา มีแร่โลหะใต้ดินมาก มีกำไรสำริตโบราณ ฝังอยู่กับโครงกระดูกโบราณมีมาก มีขวานหิน ไหโบราณ โดยเฉพาะโครงกระดูกคนตายพบบ่อย

อีกครั้งหนึ่งลูกชายของผู้เขียน เขาเชื่อมั่นในหนุมานลอยองค์มาก เขาคล้องคอประจำ รอดมาได้เป็น 10 ครั้ง มีผู้หญิงมาชอบ แต่ละคนน่ากลัวทั้งนั้น เมียน้อยสารวัตรอย่างนั้น, เมียน้อยนายกเล็กอย่างนั้น, เมียน้อยกำนันอย่างนั้นฯ เขาใช้อยู่กับลูกสวาท ตอนหลังต้องยึดลูกสวาทคืน ผมกลัวโดนยิงตายเลยต้องยึด แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร มันชอบใช้คาถาพาลีด้วย เขาว่าพาลีเจ้าชู้ยักษ์ ลูกเขาเมียใครเขาพอใจ จีบแย่งเอาเลย ทศกัณฑ์อุ้มนางมณโฑผ่านมา พาลีพอใจเข้าไปแย่งเอามาเฉย ๆ (สมัยนั้นศีลธรรม ศาสนา ยังไม่เกิด สมัยเจงกีสข่าน ศาสนาก็ยังเข้าไม่ถึง พอใจใครก็แย่งเอา) พาลีมาอยู่กับนางมณโฑจนตั้งท้อง ทศกัณฑ์ขอให้พระฤาษีติดต่อกัน อาจารย์คุยกับอาจารย์ มาขอนางมณโฑคืน ต้องผ่าท้องทางไสยศาสตร์ เอาลูกของพาลีไปใส่ไว้ในท้องแพะ ลูกชื่อ คงคต ครั้งหนึ่งลูกชายของผู้เขียน ไปเยี่ยมและผลัดกันเฝ้า ลูกน้องมือขวาคนขับรถ ไม่สบายอย่างหนัก ลูกน้องชื่อหาญ เพชรไปล่ บ้านอยู่ท่าเตียน อำเภอเดิมบางนางบวช เหตุเกิดที่ รพ.ศุภมิตร จังหวัดสุพรรณบุรี ลูกชายของผู้เขียนคล้องหนุมานลอยองค์อยู่ ตอนนั้นนายหาญ เพชรไปล่ อยู่ในขั้นโคม่า ใกล้ตาย จะตายก็ไม่ตายพูดไม่ได้ พอเขาเห็นลูกชายของผู้เขียน เขาตกใจกลัวเหมือนกลัวอะไรสักอย่างหนึ่ง ชี้มือชี้ไม้ไม่ให้เข้ามาใกล้ เป็นแบบนี้เกือบ 10 ครั้งที่มาเยี่ยม พอค่อยยังชั่วพอพูดได้ ได้ถามว่ากลัวอะไร กับ ไอ้กอฟล์ (ลูกชาย) เขาพูดว่ากอฟล์เอาลิงขี่คอมาด้วย ทุกครั้งที่มา ได้ถามว่า ลิงสีอะไร แต่งตัวมีเสื้อผ้าหรือไม่ เขาบอกว่า เป็นลิงสีขาวใหญ่ ใส่เสื้อผ้าสีเทาเกือบขาว ชอบแหย่เขาเล่น เขากลัวมาก ตัวโตเท่า ๆ เด็กเลย และนายหาญ ยังฟ้องว่าลูกชายของผู้เขียนเล่นแสงไฟ มีแสงไฟวิ่งเป็นสาย วิ่งมาที่มือถือของลูกชาย จากการศึกษาทราบว่า คนใกล้ตาย ตาเขาจะเห็นอะไรพิเศษกว่าคนธรรมดา เขาสามารถเห็นคลื่นของโทรศัพท์มือถือได้ นายหาญนี้ผู้เขียนได้ให้เขาคล้องพระปรกโพธิ์ 9 ใบ และบอกเล่ากับหลวงพ่อและแม่ธรณีไว้ ถ้าจะตายก็ของให้ตายไว ๆ เพราะโรงพยาบาลเอกชนแพงมาก ถ้าจะหายก็ขอให้หายไว ๆ ปรากฏว่ากลางคืนได้สลบไป กำลังจะเดินไปกับเพื่อนผี ที่ตายที่โรงพยาบาลพร้อมกันอีก 3 คน พอเดินไปสักพัก ได้พบกับแม่ธรณีตัวใหญ่โตแบบผู้หญิงอินเดีย ได้ถือคนโทน้ำ มาส่งให้นายหาญ นายหาญได้ดื่มกินและลูบหน้า แล้วส่งให้ผีอีก 3 ตัวกิน หมาอีก 1 ตัว รู้ว่าต้องไปรวมกันที่ถนนใหญ่ ที่ถนนใหญ่มีผีหลายตัว เมื่อนายหาญได้กินน้ำแล้ว กลับมีกำลังไม่ยอมเดินต่อไป ได้กราบขอบพระคุณแม่ธรณี แล้วหันหลังเดินกลับมาโรงพยาบาล เจอตัวเองนอนอยู่ ได้เข้าร่างและฟื้น นายหาญนี้บุญเขามาก ผู้เขียนได้รักษาเขาหมดเงินขนาดขายทองรักษาหมดไป 10 บาท เป็นลูกน้องที่ขับรถพ่วง 18 ล้อ ที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ตาย แต่พระขอคืน เปลี่ยนเหรียญหลังยันต์ให้ไป

ตอนทำเหมือง 20 กว่าปี อยู่แผนกส่งแร่ ภรรยาของผู้เขียน มักจะไปรับงานนอก เวลารถว่าง ได้ใช้ หนุมานองค์นี้แบ่งกันใช้กับลูกชาย 20 กว่าปี บอกเล่ากับหนุมานและหลวงพ่อของานทำ จะได้งานตลอดถ้าว่างจะทำ และที่แปลกคือ ไม่เคยโดนโกงค่าบรรทุกเลย แม้แต่ครั้งเดียว หรืออาจจะเป็นเพราะผู้เขียนอยู่แผนกติดตามหนี้สินก็ไม่รู้ ประมาณปี 2552-2553 ค่าขนส่ง ไม่ขึ้นแต่ค่าน้ำมันขึ้นเอาๆ ค่าอะไหล่ก็แพงมาก ค่าตำรวจ ก็แพง คิดแล้วจะไปไม่รอด ได้บอกเล่ากับหลวงพ่อและหนุมาน ขอให้ชี้หนทางให้ด้วย ผมได้พูดกับหลวงพ่อที่รูปหล่อ ว่า ผม 3 คนแม่ลูก กำลังเดินวกวนอยู่ที่ทาง 3 แพร่ง ขอให้หลวงพ่อชี้หนทางด้วย พอบอกได้ 3 วัน ปรากฏว่ารถ 10 ล้อของญาติชนกับ 10 ล้อด้วยกัน มีคนตาย หมดเงินไปเป็นล้านบาท พอภรรยาผู้เขียนคิดถึงเรื่องนี้ สร้อยที่คล้องหนุมานอยู่เกิดขาดร่างลงมาเฉยๆ เมื่อผู้เขียนต่อสร้อยโดยเปลี่ยนสร้อยเส้นใหม่ สร้อยก็ขาดอีก 2 ครั้ง เลยหยุดกิจการเหมืองแร่ ตอนนี้ผู้เขียนเลยตกงานนอนกินดอก (ดอกแค, ดอกกล้วย (หัวปลี))

เรื่องเหรียญหลังหนุมานนี้ หลวงพ่อสร้าง 1 ครั้ง ผู้เขียนเคยสร้าง 1 ครั้ง เสก 216 องค์ คือเสกพิธีวัดท่าหลวง 108 องค์ 1 ครั้ง และพิธีวัดท่าฬ่อ พิจิตรอีก 1 ครั้ง 108 องค์ อาจารย์ตั๊ว (โอภาส) วัดซับลำใย ได้รับนิมนต์ไปเสกและเอาเข้าพิธี 2 ครั้ง คือ เตรียมการก่อนสร้าง เหรียญส่วนมาก ส่งไปแจกผ้าป่าที่อังกฤษ ค่ายมวยสิงห์นรชัย พี่สมนึก ไทรแก้วเรือง เป็นครูฝึกและหัวหน้าค่าย โด่งดังมาก นักมวยในค่ายนับถือเป็นชีวิตจิตใจ เอามาคล้องคอหน้าตาเฉย เรียก ก๊อตกวย (หลวงพ่อกวย) ใช้เสกทำน้ำมนต์ให้น้ำนักมวย ไม่เคยมีใครโดนตีศอกถึงแตกเลย เหรียญอีกส่วน ส่งไปใต้ให้ทหาร ตำรวจ อาสา ที่นราธิวาส ฝากพี่ดนัย ขวัญไชย ไปแจก พี่เล่าว่า ใครที่มีเหรียญรุ่นนี้ โดนยิง จะยิงไม่ถูกเลย รอดมาได้เป็นอัศจรรย์ทุกคน มีคนมาถามหาเหรียญรุ่นนี้จากผู้เขียนมาก ผู้เขียนทำเพื่อแจกผ้าป่า ทำเสร็จก็นำบล๊อคทิ้งลงสระน้ำเลย บอกเล่าหลวงพ่อ โดยเฉพาะภาคใต้ ให้หลวงพ่อดูแลศิษย์ทางใต้ด้วย เหรียญรุ่นนี้สร้าง พ.ศ. 2540 กว่า ๆ จำ พ.ศ. ไม่ได้ ปี 2562 ปีนี้ จะสร้างเหรียญหลังหนุมานตำราหลวงพ่อ อีก 1 รุ่น ชื่อ รุ่นมนต์พระกาฬ เสกด้วยมนต์พระกาฬจริง ๆ จะเล่าให้ฟังตอนท้าย

อภินิหารย์ของหนุมานลอยองค์ หนุมานลอยองค์นี้ หลวงพ่อสั่งทำเพียงเนื้อเดียวคือเนื้อฝาบาตร (ทองเหลืองผสมทองแดง แต่แก่ทองเหลือง) ไม่มีเนื้อทดลองหล่อ เป็นตะกั่วหรือเงินเลย แม้แต่องค์เดียว ก้นบรรจุกริ่งจารเกือบทุกองค์ จารยันต์หนุมานอมพลับพลา ปางรบกับไมยราพย์ หลวงพ่อเลยจารยันต์หนุมานอมพลับพลา นะตัวนี้ผู้เขีนได้สืบทอดไว้ หลวงพ่อสักให้ไว้บนกระหม่อม คือ ครั้งหนึ่งไมยราพย์ ซึ่งได้พรมา (น่าจะได้มาจากพระอินทร์) ถ้าใครจะสู้กับไมยราพย์ ไมยราพย์จะภาวนาสะกดทัพ จะต้องถูกมนต์ของไมยราพย์ทุกตัวทุกคน คือ สู้กับมนต์สะกดทัพ ของไมยราพย์ไม่ได้ ถ้าไมยราพย์สะกด (เข้าใจว่าเวลากลางคืน) ภิเพกจึงบอกอุบายแก้ โดยให้หนุมาน แปลงร่างเป็นพลับพลา เอาลิงเล็ก ๆ รวมทั้งลิงใหญ่พระลักษณ์ และพระราม ให้เข้าไปอยู่ในพลังพลา (ปาก) ไมยราพย์มาจริง ๆ ตอนดึก สะกดทัพพระราม รวมทั้งหนุมานหลับหมด แต่ไมยราพย์กลับไม่เจอกับกองทัพของพระราม เห็นแต่พลับพลา จึงทำอะไรต่อกองทัพของพระรามไม่ได้ “นะ” ที่หลวงพ่อเสกและจาร จึงขลังมีอำนาจมาก แม้หลับอยู่ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยอานุภาพของอิทธิฤทธิ์ทำให้หนุมานลอยองค์ของหลวงพ่อกลายเป็นตำนาน ไม่ใช่แพงอย่างเดียว หายากมากอีกต่างหาก หนุมานลอยองค์พิมพ์นั่งสมาธินี้ เป็นปางที่เข้าสมาธิแปลงร่าง เป็นพลับพลาสู้กับไมยราพย์ หลวงพ่อสร้างปางนี้ เพื่อต้านมนต์ไมยราพย์ (มนต์สะกดทัพ) ขนาดสู้ไม่ได้ยังไม่แพ้ เสมอกัน หนุมานปางนี้ มีผู้รู้ได้เขียนคำกล่อนไว้ดังนี้

“นี่คือขุนกระบี่มีศักดา ฤทธิ์แรงแข็งกล้าชาญสมร
ปางพระรามรบราพย์ราญรอน คือวานรหนุมานหาญณรงค์”

หลวงพ่อจึงจารยันต์หนุมานอบพลับพลาไว้ใต้ฐาน มีกริ่งไว้เขย่าบอกเล่าหลวงพ่อเวลามีภัย มีคนหลายคนได้ถามว่า เรื่องที่ผู้เขียน เขียนเล่าถ่ายทอด แบ่งปันเรื่องราวของหลวงพ่อนี้ เชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์ ผู้เขียนขอตอบว่าเชื่อได้แค่ 50% คือครึ่งเดียว คือจริง ๆ แล้วเรื่องอภินิหารย์ของหลวงพ่อนี้ ดุ เด็ดขาดกว่านั้น เช่น ผู้เขียนพูดว่า หลวงพ่อสักให้ศิษย์สัก และได้จดไว้จำนวนเท่าไร ผู้เขียนเกรงว่า คนจะไม่เชื่อผู้เขียนได้เขียนไว้ว่า 44,000 คน (สี่หมื่นสี่พัน) จริง ๆ แล้ว หลวงพ่อสักให้ศิษย์ถึง 84,000 คน (แปดหมื่นสี่พัน) เรื่องอภินิหารย์ที่ยิงไม่ออก ผู้เขียนก็เขียนหลายเรื่อง เอาเป็นยิงออกแต่ไม่ถูก เพิ่งจะเล่าเรื่องราวได้ใกล้เคียงอยู่ 2-3 เรื่อง คือ จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวก่อนตาย เรื่องที่ลงก่อนหน้านี้ เช่น เรื่องตะกรุด, มีดหมอ, แหวน, ปลัด, รูป และเรื่องนี้ เรื่องต่อไปนี้ จะเล่ากันแบบจริง ๆ เพราะผู้เขียนเป็นหนี้บุญคุณท่านมากมาย ผู้เขียนเป็นหนี้ท่านเรื่องจะสร้างโบสถ์และรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงพ่อและวิหารที่วัดหนองเฒ่า จังหวัดสุโขทัย แต่ก็จะเล่า เรื่องอื่นให้ละเอียดแบบเรื่องนี้คงไม่ได้ สมัยเด็กรุ่นและวัยรุ่นผู้เขียนมีนิสัยซุกซน เกเร ดื้อ เรื่องของชาวบ้าน ใครจะฆ่าใคร ใครปล้นจี้ใคร ผู้เขียนจะพยายามสอดรู้สอดเห็น ไปแอบฟัง บิดาของผู้เขียนไม่เคยคิดเลยว่า ผู้เขียนจะมีอายุยืน นาไร่เป็น 100 ไร่ ไม่เคยคิดจะให้ผู้เขียนเลย คิดว่าผู้เขียนต้องตาย ก่อนวัยอันควร ตลอดเวลา มรดกที่ได้ คือ ดาบปลายปืนซามูไร สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พอโตก็ให้ปืน 1 กระบอก คาถา 1 บท หลวงพ่อกวยเป็นห่วง สมัยรุ่นหลวงพ่อสักกระหม่อม ยันต์หนุมานอมพลับพลาและอื่น ๆ คือสักธนูมือ, ฝ่ามือสักจักรพระนารายณ์, ศอกสักจักรพระนารายณ์, เข่าสักจักพระนารายณ์, หลังเท้าสักธนูมือ, ฝ่าเท้าสักยันต์ ลงเป็นยันต์ตัวเลขเข้าใจว่ายันต์พระแม่ธรณีฯ แสดงว่าหลวงพ่อเป็นห่วงมาก ได้ถามศิษย์คนอื่น ๆ ไม่มีใครได้สักแบบผู้เขียนเลย เพียงแต่ไม่บอกคาถา เรื่องนี้ผู้เขียนเพิ่งเล่า ขอดูยันต์หนุมานสะกดทัพ (อมพลับพลา) ได้ คือ ความซนและดื้อนี้ ผู้เขียนขอบันทึก เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ยิง และผู้ถูกยิง ทั้ง 2 ฝ่ายเอาไว้ เพื่อเจอเขาที่ไหน จะได้ถามดู ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ค่อย ๆ เจรจากันนะ

เรื่องมันก็นานมาแล้ว จะขอเล่าบันทึกเอาไว้ดังนี้
เรื่องที่ 4
นายกลิ่น ชุมพลพันธ์ บ้านเดิมอยู่บ้านปากน้ำ บ้านอยู่ติดกันกับบ้านของผู้เขียน บ้านเดิมจริง ๆ อยู่สามเอก ชุมเสือฝ้าย พ่อเขาเป็นลูกน้องเสือฝ้าย นายกลิ่นมีนิสัยทางนักเลง ชอบปล้นจี้ ฆ่าคน เป็นมือปืนรับจ้าง นิสัยติดทางพ่อ แต่เขาก็ดีกับผู้เขียน สมัยไปรบลาว เขาก็ไป ได้ไปกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อได้มอบหนุมานลอยองค์ให้เขาไป เคยลาดตระเวร โดนยิงติด ๆ ไม่ออก ที่ออกก็ไม่ถูก เกือบ 10 ครั้ง เลิกจากรบ ก็เป็นมือปืนรับจ้าง เคยฆ่าคนมามาก แม้แต่ผู้จ้างวานก็หักหลัง จ้างมือปืนมาฆ่าเขา แต่ก็ฆ่าไม่ได้ กลางคืนดึกสงัด มีมือปืนมาเพื่อจะฆ่าเขา มาหลายครั้ง นายกลิ่นจะตื่นก่อนเสมอ เขาจะคล้องรูปหล่อหนุมานติดตัวเสมอ ภายหลังมีบัญชีดำ จับตาย หน่วยเหนือได้มีคำสั่งให้จ่าสนิท พวงมาลี สน.เดิมบางนางบวช เป็นคนจับตาย จ่าสนิท บ้านเดิมเขาก็อยู่สามเอก จ่าสนิทได้มาแอบยิงนายกลิ่น หลายสิบครั้ง ยิงไม่ได้ตื่นก่อนรู้ตัวก่อนทุกครั้ง จนทาง สน.เดิมบางนางบวช คอยนายกลิ่นไม่ไหวเลยจับตัวไป ตรวจเจอเขม่าปืน นายกลิ่นติดคุกอยู่ อยู่คุกสุพรรณบุรี หลายปี รูปหล่อก็โดนผู้คุมยึดเอาไป เขม่าปืนก็ตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ ไม่มีทนายความ ตัดสินกับเงียบ ๆ ติดคุกอยู่สุพรรณ ออกมาเลยหนีไปอยู่สกลนคร

เรื่องที่ 5 นายแทนสุขสวัสดิ์ ได้รูปหล่อหนุมานจากอาจารย์เหวียน มณีนัย คนท่าทอง นายแทน บ้านอยู่ปากทางเข้าวัดปากน้ำ บ้านผู้เขียน คืออาจารย์เหวียน เป็นคนนำรูปหล่อลอยองค์หนุมาน มาจำหน่ายให้หลวงพ่อ สมัยนั้นองค์ละ 50 บาท นายแทนเป็นลูกศิษย์ได้บูชาไว้ นายแทนมีนิสัยเกเรพอสมควร ชอบเข้าบ้านคนยามวิกาล แต่ก็ไม่มีหลักฐาน เพราะจับไม่ได้ นายแทน จะคล้องรูปหล่อหนุมานเป็นประจำ เรื่องความเกเรของเขา ดังไปถึง สน.เดิมบางนางบวช ทาง สน. ได้สั่งให้จ่าพัว เป็นหัวหน้า และจ่าเจียม เป็นลูกน้อง มาจับตายนายแทนเสียที จ่า 2 คนนี้ แย่งกันทำความดีความชอบ ได้ผลัดกันมาฆ่านายแทน ตอนนั้นบ้านเดิมของนายแทนอยู่ในสวน สวนอยู่ติด ๆ กับสวนของบิดาของผู้เขียน ต้องเดินเข้าไป มีทางเล็ก ๆ นายแทนจะรู้ตัวเสมอ ไม่ว่าจะมาตอนดึกหรือค่อนสว่าง คือ ค่อนสว่างเคยโดนยิง หลายสิบครั้ง เขาขุดบ่อล่อปลา ต้องตื่นไปกู้เอาปลา ตอนตี 4-5 ประจำ โดนยิงติด ๆ เขม่าติดหน้าเลยไม่ถูกไม่ออก ภายหลังทำรูปหล่อหนุมานหายไป (เอาไปหาปลา) เขาเลยไปกราบหลวงพ่อ หลวงพ่อขอสัจจะ ดาบตำรวจ 2 คน ก็เลิกมากวนนายแทนเฉย ๆ อาจเปลี่ยนนายใหม่ รูปหล่อหนุมานนี้ ถ้าทำไม่ดี เขาจะหนีไป กลับไปวัด เวลากลับมักกลับตอนกลางคืน คือหนีกลับไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อสามารถรู้ได้ เคยหยิบรูปหล่อหนุมานออกมาดูจากโต๊ะหมู่ ท่านสามารถบอกได้ว่าเป็นของใคร เคยหยิบให้หมอเฉลียว เดชมาและอาจารย์สมาน ดูประจำ

เรื่องที่ 6 อาจารย์เหวียน มณีนัย บ้านเดิมอยู่ท่าทอง ตำบลปากน้ำ ที่ท่าทองนี้ ผู้เขียนเคยทำงานอยู่ 20 ปีเศษ ไม่รู้ว่าอยู่ได้อย่างไร อาจารย์เหวียนนี้ มีวัตถุมงคลคือ มีดหมอ, ปลัด, ตะกรุด, และรูปหล่อลอยองค์หนุมาน แต่ของอย่างอื่นเอาติดตัวเฉพาะตอนเดินทาง วันหนึ่งเพี้ยนขึ้นมา ได้ไปทุบรถนายอิม คนตลาดปากน้ำ นายอิมนี้เป็นคนจีน ใจถึง มีรถ 10 ล้อ ได้ขับยิงอาจารย์เหวียน 5-6 นัด ยิงไม่ออกเลย อาจารย์เหวียนได้วิ่งหนี นายอิม มาไกลมากเหนื่อย เลยชักมีดหมอกะจะฆ่านายอิม พอชักมีดหมอออกจากฝัก ปืนยิงออกเลยดังปั้ง โดนตรงกราม แต่ไม่เข้า (ภายหลังกรามเบี้ยวเลย) เรื่องเลยยุติต่อกัน แต่จริง ๆ ยังไม่ยุติ นายอิมยิงอาจารย์เหวียนไม่ตาย เท่ากับตีงูให้หลังหัก เขาเลยตามมาฆ่าอาจารย์เหวียน เขาได้พยายามมาฆ่าคือจะยิงอาจารย์เหวียนอีกตก 10 กว่าครั้ง อาจารย์เหวียนคล้องรูปหล่อหนุมานองค์เดียว นายอิมยิงอาจารย์เหวียนไม่ได้เลย ตื่นตลอด กลางวันก็ยิงไม่ได้ อาจารย์เหวียนเผลอจำหน่ายรูปหล่อหนุมาน จำหน่ายเผลอไป ภายหลังที่ตัวเองก็หมด ที่หลวงพ่อก็หมด สร้างประมาณ พ.ศ. 12-15 ในปี 2517 ผู้เขียนรับราชการแล้ว ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อ ไปกับอาจารย์เหวียน, อาจารย์ตี๋ เขาเขียว โดยไปรถมอเตอร์ไซค์ ปี 2517-2518 รูปหล่อหนุมานลอยองค์ ยังมีอยู่ แสดงว่าหลวงพ่อเสกนานมาก

เรื่องที่ 7 อาจารย์ผ่อง อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ท่านอาจารย์ผ่องเป็นศิษย์ของหลวงพ่อองค์หนึ่งสมัยนั้นก็โด่งดังพอสมควร มีอาจารย์ตี๋ เขาเขียว ออกเครื่องราง,อาจารย์เตี้ย (พระครูปลัดฝุ่น) วัดสามเอก เก่งทางให้หวย, อาจารย์ถนอม วัดเดิมบาง สร้างเหรียญหลวงพ่อออกวัดเดิมบาง ใจถึงหนังเหนียว , ส่วนอาจารย์ผ่อง เก่งทางดูดวงชะตา(หมอดู) (3-4 องค์นี้เป็นศิษย์ชั้นนอก ศิษย์ชั้นเก่งขึ้นมาหน่อยก็มีหลวงพ่อแป๋ว วัดดาวเรือง บางระจัน, อีกองค์ก็หลวงพ่อพร้า อยู่วัดโคกดอกไม้ ศิษย์ที่เป็นตัวจริงกว่านั้นก็คือ อาจารย์ถมยา วัดท่าแก้ว อ.หันคา กับพระครูพิมพ์ วัดสนามชัย สรรคบุรี มรณภาพแล้ว ทั้ง 2 องค์ อาจารย์ผ่องเรียนวิชาหมอดูจากหลวงพ่อตำราของหลวงพ่อ หลวงพ่อประสิทธิ์ให้แล้วท่านก็เลิกดูให้คนอื่น ท่านจะพูดว่า ให้มาดูกับอาจารย์ผ่อง (ท่านผ่อง) อาจารย์ผ่องจะดูของหาย , ดูคนร้าย, ดูลักษณะ สูง, ต่ำ, ดำ, ขาว อยู่ทิศไหนดูดวงชะตาโดยนับเลข อาจารย์ผ่องดูได้แม่นยำมาก เป็นที่เกรงกลัวของคนร้าย มีหลายครั้งคนร้ายโดนจับ โดนหมายปองชีวิต เขาโกรธท่านอาจารย์ผ่องมาก ได้มาแอบดักยิง ท่านอาจารย์ผ่องถึงกุฏิ แต่ยิงไม่ออก อาจารย์ผ่องเหน็บรูปหล่อหนุมาน ของหลวงพ่อเพียงองค์เดียว โดนยิงเป็น 10 ครั้งไม่ออกเลย ความโมโห คนร้ายได้ยิงกุฏิของท่านถึง 3 ครั้ง คราวนี้ออก อาจารย์ผ่องนี้ จะนับถือพระเพียง 2 องค์คือ หลวงพ่อกวย และหลวงพ่อโม วัดจันท์ทาราม ห้วยกรด สรรคบุรี เคยยิงตะกรุดหลวงพ่ออื่น ๆ แตกเสียหายมาก ที่ไม่ออกเป็นตะกรุดหลวงพ่อโมกับตะกรุดหลวงพ่อกวย ท่านรวบรวมคาถาของ 2 หลวงพ่อองค์นี้ไว้ หลังจากท่านมรณภาพ เจ้าอาวาสองค์ต่อมาพยายามจะล้มร้างอำนาจเก่า ได้เอาตำราคาถาของหลวงพ่อโมและหลวงพ่อกวยไปโยนทิ้งน้ำ ตกดึก ชักดิ้นชักงอตาย หมอลงความเห็นว่าน้ำท่วมปอดตาย พระองค์นี้ชื่ออาจารย์หวาน (ชื่อจริง) ส่วนผู้เขียนได้ค้นพบพระเครื่องและอภินิหารย์ของพระได้อีกองค์หนึ่ง ถ้าบูชาอยู่จะไม่มีเรื่องปืนดังเปรี้ยงปร้างเลย คือไม่ผ่าทางตัน ไม่ขวางทางปืน ไม่ขัดคอคน ไม่สนจมูกม้าฯ รูปหล่อลอยองค์นี้ อาจารย์ผ่องก็บูชาอยู่ได้ไม่นาน หลังจากเอาไปลองยิงไม่ออก ไม่กี่วันต่อมาก็หายไปเฉย ๆ

เรื่องที่ 8 นายแหยม เป็นคนบ้านปากน้ำ แต่อยู่คนละฝั่งกับผู้เขียน มีลูกชายเป็นผู้ใหญ่บ้านชื่อผู้ใหญ่ฮะ ต.ปากน้ำ นายแหยม เป็นหมอผี นับถือหลวงพ่อมาก ได้คาถาปราบผีจากหลวงพ่อ มีมีดหมอกี่เล่มพอไปขับผี เจ้าของบ้านเขาขอบูชาต่อก็ให้เขาไป สุดท้ายไม่มีมีดหมอต้องเอามีดโต้มาจารอักขระขอมแล้วเสกด้วยคาถาอาวุธ 5 จึงใช้ได้หรือเสกต้นข่าตีผีก็พอได้ นายแหยมนับถือหลวงพ่อมาก แต่เป็นคนขี้เกรงใจ ไปกราบหลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่อปิดประตูกุฏิ ก็ไม่กล้าเรียก กลัวหมากัดด้วย เคยมาหาหลวงพ่อ แต่ไม่ได้พบ ขากลับซื้อกระเทียมหาบกลับมา เจอคนผ่านทาง บ้านทุ่งกระถิน เขาได้ถามตั้งแต่ตอนไปว่าจะไปไหน แดดก็ร้อน ก็บอกเขาว่า ไปหาหลวงพ่อกวย ครั้นจะบอกว่าไม่เจอก็อาย เขาเคี้ยวหมากด้วย นายเหว่าคนทุ่งกระถินได้ถามว่า ไปหาหลวงพ่อกวยมาได้อะไรมาบ้างแกก็อาย เลยบอกว่าหลวงพ่อกวยให้ชานหมากมา พร้อมกับภาวนาคาถาส่งเดชไป คือนายเหว่าเขาขอลองยิงด้วยปืนลูกซองสั้น นายแหยมกลัวเสียชื่อได้ร้องบอกหลวงพ่อกวยให้ช่วยทีในวันนั้น มีคนอยู่หลายคน ได้ทดลองยิงชานหมากของหลวงพ่อ (ชานหมากหมอแหยม) ปรากฏว่ายิงไม่ออกได้ยิง 2 นัดกลัวปืนแตก เลยหยุดยิงผลคือชานหมากได้หายไป ไม่ได้หายแบบอัศจรรย์ แต่คนหยิบวิ่งหนีไป

อีกครั้งหนึ่ง นายแหยมมาหาหลวงพ่อได้บูชาหนุมานลอยองค์มา 1 องค์ พอเดินผ่านบ้านนายเหว่า ก็หยุดพักเพราะอากาศร้อนเดือนเมษา คุยไปคุยมาเอาหนุมานลอยองค์มาอวดนายเหว่า ผลคือมีการทดลองยิงหนุมานลอยองค์ปรากฏว่ายิงไม่ออก 3 นัด พอยิงไม่ออกนายเหว่าขอเช่าต่อเลย 100 บาท แต่นายแหยมไม่อยากให้ เพราะขอบูชาจากหลวงพ่อนั้นยากมาก สรุปคือ มีการหักคอเช่า 2-3 เดือนต่อมา นายแหยมจะไปหาหลวงพ่ออีก เดินผ่านบ้านนายเหว่า นายเหว่าเล่าว่า เมื่อได้หนุมานมาแล้ว ก็ดีใจกะจะเอาไปขายสัก 1-2 หมื่น แบบลองยิงให้ดู ตกกลางคืนเอาไว้บนหิ้งพระ 2-3 วันต่อมาไปดู หนุมานหายไปแล้ว นายเหว่าเลยฝากเงินให้หมอแหยมเช่าบูชาให้สัก 20 องค์ นับแบงค์ร้อยให้มา 1,000 บาท (หนึ่งพัน) พอไปพบหลวงพ่อได้เล่าให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อได้หยิบหนุมานมาให้ 2 องค์ องค์หนึ่งให้หมอแหยม หมอแหยมจำได้ว่าเป็นองค์ที่หลวงพ่อเอาสายสิญจน์ผูกคอให้ คือเป็นองค์เดิม หลวงพ่อพูดว่า เขากลับวัดตอนกลางคืน กูก็คอยมึงอยู่ว่า เมื่อไรจะมาเอา เมื่อนายแหยมกลับบ้าน ถึงบ้านนายเหว่า นายเหว่าได้มาเพียงตัวเดียว รู้สึกเสียใจแต่อยากจะรู้ว่าหนุมานที่ได้มาใหม่นี้จะยิงไม่ออกจริงหรือไม่ ขอลองดูอีกสักครั้ง อย่างไรจะได้นำไปขาย วันนั้นได้มีการทดลองยิง มีคนอยู่เกือบ 10 คน ผลคือ ยิงไม่ออก 6 นัด นัดที่ 6 ปืนมีอาการค้าง ออกดังปุด ลูกปืนคาลำกล้องออกไม่หมด คนแห่ไปดูที่รูปหล่อหนุมาน มีมือดีหยิบเอาไปเฉย ๆ เลย คนก็จะขอเช่านายแหยม โดยให้ราคา 100-200 บาท นายแหยมรีบเดินหนีกลับบ้าน หนุมานตัวนี้ตกอยู่กับผู้ใหญ่ฮะ ผู้ใหญ่ฮะนี้เป็นเพื่อนของผู้เขียนบวชพร้อมกัน ใจถึง

ผู้เขียนก็เป็นคนโง่และเลว สมัยบูชาจากหลวงพ่อ 50 บาท ก็ไม่ชอบ ติว่าไม่สวย สมัยราคา 2-3-4-5 หมื่นก็ยังดูไม่สวย พอขึ้นหลักแสนถึงหามาใช้ ตัวของผู้ใหญ่ฮะนี้อยู่กับผู้เขียน ก็มีอภินิหารย์ดี เมียบ่นไม่เจ็บ เคยขอบารมี โดยบอกเล่ากับหนุมานและหลวงพ่อ ตกกลางคืนฝันไป เขามาทั้งกองทัพเลย เต็มห้องนอนเลย เห็นหนุมานด้วยขาวใหญ่ มีเสื้อผ้า นั่งอยู่ขอบหน้าต่าง ขนสีชมพู บางทีก็โดดมานั่งที่โต๊ะหมู่พระหลวงพ่อ กวนอยู่ ตั้งแต่เที่ยงคืน ตี 1 ตีสอง จึงไป คือ หลับ ๆ ตื่น ๆ บอกว่าพอแล้ว ๆ ก็ไม่หยุด ตื่นมา 3 ครั้ง ฝันต่อ ทุกครั้ง ตี 3 ถึงสว่างไม่หลับเลย รูปหล่อหนุมาน องค์ของผู้ใหญ่ฮะนี้ พอจำหน่ายให้ผู้เขียน 2-3 วัน เขาก็ตาย

หมายเหตุ หนุมานของหลวงพ่อนี้ หลวงพ่อหล่อจากระฆังแตก มีพระบวชสมัยเณรตั้ว ตีแตก หลวงพ่อหล่อจากอาวุธ คือพระขรรค์ น่าจะได้จากวัดชิโนรส, หอกฆ่าจระเข้, กริชหลวงพ่อได้มาสมัยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อกล่อม วัดโพธาวาส สุราษฏร์ธานี และได้ตรีเพชร (สามง่าม) มา 3 อัน เนื้อทองเหลือง จากเจ๊กฉัน คนปากน้ำ 1 อัน เจ๊กซิ่น แซ่โอ นายซิ่น แซ่โอ จีนนอก มาจากเมืองซัวเถา เจ๊กฉันก็มาจากซัวเถา อีกอันได้จากเจ๊กเล็ก หรือเถ้าแก่เล็ก คนหัวเด่น บ้านแค แต่ก่อนมีโรงสี คนจีนแต่ก่อนใช้ 3 ง่ามเป็นอาวุธ ก็เอา 3 ง่ามนี้มาหล่อเป็นตรีเพชร นายซิ่น แซ่โอ บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้เขียน เคยสอนวิชาฝ่ามืออรหันต์ให้ผู้เขียน ใช้ฟาดศัตรูทีเดียวชีพจรขาดสะบั้น ภายใน 3 ชั่วยาม ถ้าแก้ไม่ทันจะตายทันที (ฝ่ามือที่ใช้ฟาด คือ ไม้หน้า 3)

เจ๊กเล็ก หรือเถ้าแก่เล็ก เขานับถือหลวงพ่อ พอประมาณ คือ เขามาจากเมืองจีน พระจีนแทบทุกองค์มักจะเกเร ประวัติไม่ดีจึงมาบวช เจ๊กเล็กพูดว่า คนหัวเด่นบ้านแค ไม่มีใครรวยเท่าหลวงพ่อ ไม่มีใครเก่งเท่าหลวงพ่อ อีทำรูปควาย (ภาษาลาว) ขายก็มีคนแย่งกันซื้อ ลงอีขายรูปควายได้อะไร ๆ ก็ขายได้หมด (รูปควายภาษาลาว) คือปลัด

เรื่องที่ 9 คิดว่าเป็นเรื่องสุดท้ายก็แล้วกัน เรื่องเขาซ้ำ ๆ ซาก ๆ คือเรื่องปืน เรื่องรถล้ม รถคว่ำ นี้ผู้เขียนไม่ขอเล่า น่าเบื่อหน่าย ในสมัยที่หลวงพ่อออกวัตถุมงคล ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2512-2515 สรรคบุรีก็ยังมืดอยู่ดี เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ถนนเป็นลูกรังแดง ๆ ก่อน พ.ศ. 2510 คนใช้จักรยาน พ.ศ. 2510 มาแล้วเริ่มมีจักรยานยนต์หรือรถปิคอัพ, รถจี๊บ ปี 2517 ผู้เขียนรับราชการแล้ว ขี่รถผ่านวัดยังเป็นถนนลูกรังแดงอยู่ น้ำกินน้ำใช้ลำบากมาก ที่สถานีตำรวจก็มีตำรวจน้อย ถ้าคนไหนร้ายจริง ๆ ตำรวจมักจะจับตาย คือ ฆ่าซะ มีคนร้ายในสรรคบุรีมากมาย โดยเฉพาะห้วยกรด (ตำบล) นายเอ๊บ เป็นคนเกเร บ้านอยู่ทางแม่น้ำน้อยสรรคบุรี เคารพหลวงพ่อเป็นอาจารย์ ประมาณปี 2515 เขาบูชาหนุมานรูปหล่อติดคออยู่ วันหนึ่งไปลักควายเขา 3 คน เพื่อนเขย 1 คน น้องเมียอีก 1 คน บังเอิญเจ้าของพอรู้ตัวอยู่บ้าง คือระวังอยู่ แต่คืนนั้น โดนเปิดคอก 3 คนนี้จูงควายออกมาแล้ว เมื่อควายหายเจ้าของก็รีบตาม ได้ไปตามดาบชาติ สน.สรรคบุรีมาด้วย บังเอิญตามทัน นายเอ๊บเลยทิ้งควายหนีไปตามลำคลอง (ถนนริมคลอง) ดาบชาติตามมาทัน นายเอ๊บกับพวกเลยแอบที่ท่อน้ำคันคลอง ท่อขนาดคนมุดได้ ดาบชาติเป็นคนใจถึง คิดว่าคนร้ายต้องแอบอยู่ในท่อแน่นอน เขาเลยยิงเข้าไปในท่อ กะยิงคนร้ายให้ตาย ยิงไป 6 นัด ออกทั้งหมด ดาบชาติก็ไม่แน่ใจว่า คนร้ายจะแอบอยู่ในท่อหรือเปล่า เพราะมืด เลยกลับเพราะได้ควายครบแล้ว กะว่ารุ้งเช้าค่อยมาดูศพ พอดาบชาติกลับแล้ว นายเอ๊บพร้อมพวก ก็ออกมาจากท่อ เขาเล่าว่า ลูกปืน วิ่งเฉี่ยวใบหู เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา แต่ไม่โดนคนเลย นายเอ๊บคล้องรูปหล่อหนุมาน อีก 2 คน มีตะกรุด วิรุฬกำบัง ของหลวงพ่อกวยคนละดอก ถ้าวันนั้นถ้ามีการยิง ลูกปืนขัดลำกล้อง ดาบชาติต้องรู้ว่า คนร้ายมีของดีอาจสกัดอุดปากท่อ ทุกตายก็ได้ ดาบชาติคนนี้ผู้เขียนรู้จัก มีภรรยาชื่อลัดดา เป็นครูสอน โรงเรียนวัดพระแก้ว ดาบชาติเคยขอพระหลวงพ่อโตวัดวิหารทอง จากผู้เขียน ผู้เขียนก็ใจง่าย แกะให้ไปเฉย ๆ วันหนึ่งดาบชาติ เพี้ยนขึ้นมาได้เอาปืนยิงหัวตัวเอง ดีว่ายิงไม่ออก ไม่งั้นคงตายไปแล้ว ครั้งหนึ่งดาบชาติได้ยิงคนร้าย ขโมยไก่ชน เจ้าทรัพย์มาแจ้งของให้ไปช่วยดูหน่อย ตกกลางคืน มีคนร้ายมาจริง ๆ ดาบชาติยิงตายคาเล้าไก่เลย ใจถึงมากบ้าบิ่น แต่เกือบถูกออก นายไม่เล่นด้วย หมดนาที่แม่ยกให้ 20 กว่าไร่ สารวัตรใหญ่ขอปิดตาพิมพ์ใหญ่ (ชีโบ) 1 องค์ วัดท้ายย่าน สรรคบุรี

ดาบแพร เคยเป็นตำรวจอยู่ สน.สรรคบุรี ใจถึง มือถึง เคยยิงนายเถิม คนสรรคบุรี (บ้านใน) กะยิงให้ตาย เพราะนายเถิมมีชื่อในบัญชีดำ จ่อยิงที่หัว 6 นัด ปืนไม่ลั่นเลย นายเถิมโดนจับขณะลักควาย วิ่งหนีแต่หนีไม่พ้น ในคอคล้องหนุมานลอยองค์ เพียงองค์เดียว ตกลงไม่ฆ่า ได้แกะเอาหนุมานออก เอาไปให้นาย (สารวัตร) แต่ยังไม่ทันส่งตัวฟ้องศาลเลย หนุมานได้หายไปเฉย ๆ สารวัตรก็หลง ๆ ลืม ๆ ไม่รู้ว่าหายไปได้อย่างไร

ผู้กองเจิม แห่ง สน.สรรคบุรี เป็นมือปราบที่คนสรรคบุรี สมัยสรรคบุรียังมืด คนเกรงกลัวมาก เคยยิงนายแพร (เสือแพร) แห่งดงพญายาง สรรคบุรี ยิงไม่ออก ปืนขัดลำกล้องเฉย ๆ เป็นปืนแมกกาซีน ยิงอย่างไร ก็ยิงไม่ออก เสือแพรมาเล่าให้หลวงพ่อฟัง ผู้กองเจิมนี้ คนสรรคบุรี ยุคก่อนเกรงกลัวมาก

ในปี พ.ศ. 2515 อาจารย์ตี๋ เขาเขียว ก็สร้างหนุมานองค์โตแบน ๆ เป็นรูป 5 เหลี่ยมพระโต เนื้อดิน กับเนื้อเหล็กหล่อ รูปแบบเอามาจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ (หลวงพ่อมุ่ยสร้างหนุมาน กำลังสู้กับมัจฉานุ เนื้อดิน)

คาถาปลุกหนุมาน คือ ปลุกรูปหล่อ, เหรียญ, ลายสัก คาถามีหลายบท
บทแรก เสกฝุ่นเสกแป้งทาตัว ขึ้นต้นด้วย “โอมผงเผ่าเถ้าธุลี...”
บทที่สอง เสกเหล้าเสกน้ำตาลเมา ขึ้นต้นด้วย “โอมหนุมาน แสนค้อน ตีกู่บ่อมีหัก...”
บทที่สาม เสกน้ำอาบเวลาไปที่อโคจรมา หรือนอนกับภรรยา ต้องว่าคาถา ปลุกยันต์ใหม่ ขึ้นต้นด้วย “อิมะกะนะยะ...” เสกน้ำอาบหรือเสกน้ำล้างหน้า ขึ้นต้นด้วย “โอมหนุมานเธอให้กู แปลงขวนขวาน...”
บทที่สี่ คาถาปลุกตัวหนุมาน ขึ้นต้นด้วย “หะนุมานะ หุนะหะนุ กิริมิทิ...”
บทที่ห้า คาถาเสกข้าวเสกเหล้า เสกน้ำตาลเมา ขึ้นต้อนด้วย “โอม กึกกัก ตึกตัก...”
บทนี้คือวิชาหินเบา บทสั้น เสกข้าวกินทุกวัน จะอยู่คงต่ออาวุธทุกชนิด

คาถาที่กล่าวมานี้มีลายมือของหลวงพ่อเขียนให้ศิษย์ไว้ ในหนังสือตำราแก้วสารพัดนึก เล่ม 1 หน้า 39, 40, 41

ส่วนตำรายันต์นั้น เดิมเป็นของหมอเฉลียว เดชมา หลวงพ่อให้ขอยืมแล้วไม่คืน ต่อมาตำรายันต์, ตำราสักยันต์ ได้ตกอยู่กับแป๊ะปากช่อง ต่อมาตกอยู่กับอาจารย์หนูกันภัย (ยันต์ 5 แถว) แป๊ะและอาจารย์หนู ได้พิมพ์เป็นเล่ม จำหน่ายเล่มละ 1,000 บาท ปัจจุบันผู้เขียนได้ถ่ายซีร็อกซ์ แบ่งกันศึกษา ใครที่สนใจก็ติดต่อมาได้ขออนุญาต แป๊ะ ปากช่องแล้ว แต่ถ้าจะเอาต้นฉบับ ให้ติดต่อแป๊ะ ปากช่อง

ปี 2560-61 ผู้เขียนได้สร้างหนุมานลอยองค์ย้อนยุค ครั้งที่ 1 ได้ใช้ชนวนเทหล่อ ชนวนหนัก 29 กิโลกรัม ใส่แผ่นยันต์ มีดหมอ (ใบ), ฉมวกแทงปลา เนื้อทองเหลืองเป็นของวัดของหลวงพ่อ, แผ่นยันต์ ร.ต.ต.สุรเดช โข่สูงเนิน พัทลุง จารให้ หลายสิบแผ่น มียันต์หนุมานยกพล, ยันต์และรูปยันต์อาวุธ 5 อย่าง, ยันต์จักรพรรดิ์, ยันต์คู่ชีวิตฯ คุณวิชิตชาญ มหัทธนวุฒากร ลำพูน จารยันต์ชินบัญชร, มงกุฏพระเจ้า ยันต์และรูปยันต์ “อาวุธ 5 อย่างฯ ได้นำไปหลอม โดยใช้หนุมานของหลวงพ่อเป็นต้นแบบ เนื้อออกมาเป็นสำริด ถอดออกมาไม่สวยเหมือนของเก่า ผอม ๆ (สีผึ้งหุ่นหดตัว) ท่านอาจารย์ชุมพล ได้นำไปชุบด้วยว่านยาตามตำรา แล้วบรรจุด้วยของวิเศษ ว่านยา และผงสมเด็จโต, ผงหลวงพ่อกวย, ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมฯ แล้วจึงเสก ได้นำไปขอบารมีหลวงปู่, หลวงพ่อ หลายสิบองค์เสกให้ ได้เข้าพิธีเสกกริ่งชินบัญชร ที่วัดระหารไร่ด้วย การสร้าง สร้างในนามวัดหนองเฒ่า สุโขทัย นำปัจจัยฝังลูกนิมิต และสร้างวิหารหลวงพ่อกวย ใครที่ต้องการรุ่นนี้ (ใหม่ 60) ก็ติดต่อทำบุญที่พระชุมพล โทร. 08-0000-2680 หรือที่มูลนิธิเล่ม 2 ของผู้เขียนก็พอได้ ถ้าจะหาของเก่า ก็หาดูเอาเองน๊ะ ระวังของปลอมด้วย ราคาเริ่มต้น 1 แสน (2562) โชคดีครับ เขียนขึ้นเพื่อยืนยัน ความศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงพ่อ ความศักดิ์สิทธิ์ของหนุมาน ที่หลวงพ่อได้สร้างและเสกไว้ โชคดีครับ

หมายเหตุ ข้อสังเกตหนุมานย้อนยุคนี้ ตอนขึ้นหุ่นหล่อเสร็จ เขาได้ทะเลาะกัน ต่อยกันปากแตก เป็นตำหนิในวันหน้า (ให้สักเกตที่ปากแตก)
เฒ่า สุพรรณ

ที่มา: เฒ่า สุพรรณ
(อ.สมจิตต์ เทียนจันทร์)
56 หมู่ 5 บ้านปากน้ำ ต.ปากน้ำ
อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี 72120
โทร. 081-943-7368

 

ไบรท์ สิงห์บุรี

bright singburi

[พื้นที่โฆษณา] ไบรท์ สิงห์บุรี รับเช่า-รับจัดหาพระเครื่อง หลวงพ่อกวย ทันยุค-ย้อนยุคยอดนิยม 098-527-2777

เอสบีฟอนต์

sb-font

จำหน่ายฟอนต์ไทย สไตล์เอสบีฟอนต์ ลิขสิทธิ์การออกแบบโดย Somboon Jaisupa โทร. 094-783-9020

Font was

was font

ฟอนต์วัสโวยวาย จำหน่ายฟอนต์ให้แก่ งานโฆษณาทุกชนิด ทั้ง ป้าย เสื้อสกรีน และ สติกเกอร์ แยกตลาดนางบวช สุพรรณบุรี โทร 082 295 2537