อิทธิฤทธิ์ปฎิหาริย์สองพระอริยสงฆ์หลวงพ่อจงกับหลวงพ่อกวย ปลุกเสกพระจนพระสั่นสะเทือน
เรื่องราวอันจะนำเสนอต่อไปนี้ เดิมทีท่านอาจารย์สมจิตร เทียนจันทร์ (เฒ่า สุพรรณ) เป็นผู้นำมาเปิดเผยครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เวลานั้นท่านไม่ได้กล่าวนามว่า ผู้ที่ท่านกล่าวถึงนั้น คือ ท่านผู้ใดทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยเป็นกำลัง ต่อเมื่อมีโอกาสพบศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อกวย (ราวปี พ.ศ. ๒๕๓๘) ได้สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวจึงทราบว่า ท่านที่ข้าพเจ้าอยากรู้นามนั้นท่านคือ พระองค์ชายใหญ่ เชื่อพระวงศ์ผู้ศรัทธาในทางขลังศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้าเห็นสมควรว่าเรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้นจริง มีศิษย์หลวงพ่อกวยรู้เห็นในเรื่องนี้จริง จึงนำข้อมูลเดิมของอาจารย์สมจิตร กับข้อมูลที่สอบถามเพิ่มเติมมา นำมาเรียบเรียงใหม่ด้วยเห็นสมควรนำมาเผยแพร่ การนี้กราบขออนุญาตทุกท่านที่กล่าวถึง ด้วยไม่มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงนอกจากบันทึกและเผยแพร่เกียรติคุณเท่านั้น
ผู้ฅนเรียกขานพระท่านว่า **พระองค์ชายใหญ่** (ผู้ใดสงสัยไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเอง) ผู้สนใจในวัตถุมงคลคงพอทราบว่าพระองค์ชายใหญ่ท่านสนใจทางความขลังศักดิ์สิทธิ์ เคารพในพระรัตนะตรัยชอบทำบุญสุนทาน มักไปกราบครูบาอาจารย์สำนักต่าง ๆ โดยเฉพาะท่านที่เชื่อว่าเป็นผู้ทรงคุณวิเศษ มีเรื่องราวน่าสนใจว่าครั้งหนึ่งพระองค์ชายใหญ่เคยพบหลวงพ่อกวย ทั้งให้ความเคารพยกย่องหลวงพ่อกวยว่า **มีพลังจิตกล้าแข็งเป็นอัศจรรย์** เรื่องนี้เกิดสมัยหลวงพ่อกวยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อจง เวลานั้นทราบว่าพระองค์ชายใหญ่เดินทางไปกราบ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ด้วยความเคารพเลื่อมใส ท่านนิมนต์หลวงพ่อจงมาที่วังของท่าน ทั้งขอหลวงพ่อจงเมตตาปลุกเสกพระบูชาเก่าแก่ ทราบว่าหลวงกวยติดตามไปในการนี้ด้วย
ในเวลานั้นหลวงพ่อจงชราภาพมากแล้ว และเป็นที่รู้กันว่าหลวงพ่อจงท่านปลุกเสกของแบบ **พ่วงดี พ่วงดี** คือ เพียงจับแล้วเป่าลงไปเพียง ๑-๒ ครั้ง หากมองดูเผิน ๆ ทั่วไปดูง่ายไป หรือเรียกว่าดูไม่ขลัง เมื่อพระองค์ชายใหญ่นิมนต์ปลุกเสกพระบูชา ได้นำพระบูชาเก่าแก่หลายองค์มีทั้งพระเชียงแสน พระอู่ทอง ฯลฯ โยงสายสิญจน์เข้าแล้วจัดอาสนะไว้ ขอให้หลวงพ่อจงช่วยปลุกเสกอธิษฐานจิต เชื่อว่าเวลานั้นหลวงพ่อจงทราบดีถึงภูมิจิตหลวงพ่อกวยศิษย์ คาดว่าหลวงพ่อจงท่านทราบด้วยจิตว่า พระองค์ชายใหญ่ท่านทรงโปรดทางความขลังศักดิ์สิทธิ์ แต่หลวงพ่อจงท่านเสกของแค่เป่าพ่วง ดูไม่ขลังสมใจไม่เกิดศรัทธาในจิตเท่าที่ควร และท่านคงอยากให้ศิษย์ได้ทดสอบจิต ทดสอบวิชาด้วย
หลวงพ่อจงท่านจึงนิมนต์หลวงพ่อกวย ขอให้ขึ้นปลุกเสกแทน หลวงพ่อกวยท่านมั่นใจในตัวเองสูง มั่นใจในอาคมและภูมิวิชา เมื่อครูบาอาจารย์มอบหมายมีหรือจะปฏิเสธ ก่อนเข้าปลุกเสกหลวงพ่อจงกระซิบข้างหูหลวงพ่อกวยว่า **เอาให้เต็มที่ เขาดูเราอยู่** เวลานั้นหลวงพ่อกวยอายุพรรษายังไม่มาก ภายนอกอาจดูไม่น่าขลังเป็นเพียงพระสงฆ์หนุ่มรูปร่างผอมบาง พระองค์ชายใหญ่ท่านผ่านครูบาอาจารย์มามากพอควร ผู้ใกล้ชิดทราบดีว่าท่านเลื่อมใสพระอาจารย์ใด **ต้องเก่งเข้มขลังจริงเท่านั้น** แต่หลวงพ่อกวยท่านทราบดีว่าต้องทำอย่างไร ? เรื่องที่จะให้ครูบาอาจารย์เสียชื่อนั้นไม่มี หลวงพ่อกวยท่านหันมากราบพระพุทธ กราบหลวงพ่อจงองค์อาจารย์ที่นั่งอมยิ้มอยู่ แล้วนั่งลงบนอาสนะที่เขาจัดเตรียมไว้
หลวงพ่อกวยจับสายสิญจน์สำรวมจิต เข้าสมาธินั่งนิ่งไม่ไหวติง ครู่หนึ่งพลันเกิดเหตุอัศจรรย์ เมื่อพระบูชาที่ล้วนเป็นของเก่าหายากทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในวงสายสิญจน์ทั้งองค์ใหญ่ องค์เล็ก มีทั้งปางยืนและปางสมาธิ พระบูชาทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สุดพระบูชาปางยืนองค์ใหญ่ถึงกับโยกคลอนไปมา ผู้อยู่ใกล้ต้องรีบเข้าไปประครององค์พระทันที อาการสั่นสะเทือนนี้เกิดขึ้นอยู่นานหลายนาที เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึง ให้แก่สมเด็จพระองค์ชายใหญ่ไม่น้อย เมื่อเสร็จพิธีได้ถวายปัจจัยมา ๑,๐๐๐ บาท ถือเป็นเงินจำนวนมากโขในสมัยนั้น (ราวปี ๒๕๐๐) ท่านสอบถามหลวงพ่อกวยว่าอยู่วัดใด เข้าใจว่าท่านแปลกใจที่หลวงพ่อกวยพลังจิตกล้าแข็งเกินคาด ขนาดเสกพระบูชาสั่นสะเทือนได้นี้เป็นใครก็ต้องเกิดศรัทธา
ทราบว่าพระองค์ท่านต้องการมากราบหลวงพ่อกวยที่วัด แต่ด้วยการเดินทางสมัยนั้นค่อนข้างลำบาก ประกอบกับสรรคบุรีเวลานั้นมีพวกโจรชุกชุม จึงเป็นการยากในการถวายความปลอดภัย เห็นว่าไม่สมควรเดินทางมา ทั้งหลวงพ่อกวยท่านก็ไม่สนใจ หรือยินดียินร้ายในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นอุปนิสัยของท่านที่วางเฉย ภายหลังจึงล้มเลิกการเดินทางมา ทราบว่าภายหลังท่านนิมนต์พระเกจิอาจารย์หลายรูป ให้มาปลุกเสกพระบูชาในวังอีกหลายวาระ แต่ไปปรากฏว่ามีพระอาจารย์ใดสามารถปลุกเสก **พระพุทธรูปจนสั่นสะเทือนได้เช่นหลวงพ่อกวย** เวลาผ่านมานานหลายปี ท่านค้นหาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณอยู่นาน จนได้พบพระอาจารย์นำ ชินวโร วัดดอนศาลา จังหวัดพัทลุง อาจารย์ผู้แก่กล้าอาคมศิษย์สำนักเขาอ้อ ที่สามารถปลุกเสกพระพุทธรูปจนสั่นสะเทือนได้ ปรากฏว่าพระอาจารย์ที่ปลุกเสกพระจนสั่นสะเทือนได้มีเพียง หลวงพ่อกวย พระอาจารย์นำ